ทั่วไป
LAND ROVER G4 CHALLENGE 2006 เป็นการแข่งขันผจญภัยระดับโลก ซึ่งผสมผสานการขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ กับการผจญภัยในรูปแบบต่างๆ เช่น การปั่นจักรยานเสือภูเขา การพายเรือคายัค และการปีนเขา การแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ช่วง 4 สนาม ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ผ่านเส้นทางหลากหลายรูปแบบใน 4 ประเทศ คือ ไทย ลาว บราซิล และโบลิเวีย รวมระยะทางมากกว่า 4,000 กิโลเมตร โดยมีผู้ร่วมแข่งขัน 18 คนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นชาย 16 คน และหญิง 2 คน จากหลากหลายสาขาอาชีพ ตั้งแต่พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ยามฝั่ง ครูฝึกทหาร และกราฟิคดีไซเนอร์
LAND ROVER G4 CHALLENGE 2006 เป็นการแข่งขันผจญภัยระดับโลก ซึ่งผสมผสานการขับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ กับการผจญภัยในรูปแบบต่างๆ เช่น การปั่นจักรยานเสือภูเขา การพายเรือคายัค และการปีนเขา การแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ช่วง 4 สนาม ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ผ่านเส้นทางหลากหลายรูปแบบใน 4 ประเทศ คือ ไทย ลาว บราซิล และโบลิเวีย รวมระยะทางมากกว่า 4,000 กิโลเมตร โดยมีผู้ร่วมแข่งขัน 18 คนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นชาย 16 คน และหญิง 2 คน จากหลากหลายสาขาอาชีพ ตั้งแต่พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ยามฝั่ง ครูฝึกทหาร และกราฟิคดีไซเนอร์
ปีนี้ออกสตาร์ทจากท้องสนามหลวง ของประเทศไทย ในวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานผ่านพรมแดนไทย-ลาว ก่อนข้ามทวีปสู่ประเทศบราซิล และไปจบการแข่งขันที่ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศโบลิเวีย
การแข่งขันช่วงแรกเริ่มต้นด้วยอากาศอันแจ่มใสของกรุงเทพ ฯ จากนั้นขบวนมุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน เข้าสู่ประเทศลาวซึ่งเป็นการแข่งขันในช่วงที่ 2 เพื่อเผชิญสภาพแวดล้อมที่ทุรกันดาร ผ่านทั้งป่าเขา ลุยโคลน ข้ามห้วย บนเส้นทางลัดเลาะลำน้ำโขง และในวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้แข่งขันทั้งหมดจะเดินทางข้ามทวีปสู่ประเทศบราซิล เพื่อแข่งขันต่อในช่วงที่ 3 โดยเริ่มกันในบรรยากาศที่คึกคักริมชายหาดของเมืองริโอ เดอ จาเนโร และการผจญภัยจะทวีความเร้าใจยิ่งขึ้นเมื่อเข้าสู่ประเทศโบลิเวีย บนเส้นทางสู่เทือกเขาแอนดิส ที่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเล 4,000 เมตร ในบรรยากาศที่งดงามของทะเลสาบน้ำจืดซาลาร์ เดอ อูยูนี และการแข่งขันจะเข้าสู่จุดตัดสินตรงเส้นชัยที่บริเวณชะง่อนผารูปครึ่งวงกลมใกล้เมืองตาริฮา ที่นี่เองที่จะได้รู้ว่าใครใน 18 คนนี้จะได้ครอบครองยานยนต์ เรนจ์ โรเวอร์ รุ่นใหม่ล่าสุด
"เส้นทางที่ลาวและโบลิเวียถือได้ว่าท้าทายและทรหดที่สุดแห่งหนึ่งทีเดียว เพราะสภาพยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก ตลอดทางผู้แข่งขันต้องเจอทางที่ขรุขระเป็นร่องเป็นหลุมลึก ทางโคลนที่ทั้งแฉะและลื่น ไหนยังต้องขับรถข้ามแม่น้ำลึกด้วย เป็นสภาพการขับขี่ที่ทดสอบความแกร่งของรถได้อย่างดีเยี่ยม" นิโคลา เดวีส์ ผู้อำนวยการแข่งขัน LAND ROVER G4 CHALLENGE กล่าว
สำหรับรถที่ผู้แข่งขันใช้นั้น ในเส้นทางที่ประเทศไทยและลาว จะใช้ เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท เครื่องยนต์ V8 HSE ขนาด 4.4 ลิตร เมื่อไปถึงริโอ เดอ จาเนโร จะใช้ ฟรีแลนเดอร์ รุ่น 3 ประตู เครื่อง V6 SE ขนาด 2.5 ลิตร ส่วนในเส้นทางที่โบลิเวีย จะใช้ ดิสคัฟเวอรี 3 เครื่อง V8 HSE ขนาด 4.4 ลิตร นอกจากนั้น ยังมีขบวนยานยนต์ แลนด์ โรเวอร์ อีก 134 คัน ซึ่งคอยทำหน้าที่ประสานงานและอำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดการแข่งขัน
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องผ่านการฝึกที่หนักหน่วงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในสภาพอากาศที่ทรหดที่สุด ตั้งแต่อุณหภูมิที่ร้อนจัดถึง 40 องศาเซลเซียส จนถึงหนาวสุดขั้วกว่าลบ 20 องศาเซลเซียส งานนี้จึงเป็นการทดสอบทั้งความแกร่งของร่างกาย ทักษะการเล่นกีฬา ความสามารถในการขับรถ พร้อมๆ กับการรู้จักใช้ความคิดริเริ่ม และกลยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคในสถานการณ์ต่างๆ อย่างแท้จริง
"ตอนนี้ในหัวสมองมีแต่เรื่อง G4 CHALLENGE ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนระหว่างการฝึก เป็นความภูมิใจที่ได้เป็นทั้งตัวแทนของประเทศ และมีโอกาสจะได้เป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะการแข่งขัน G4 CHALLENGE เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ" เอลีโอนอรา ออดรา ผู้เข้าแข่งขันจากบราซิลกล่าว
การขับรถแข่งข้ามประเทศ จบลงด้วยการแข่งขันทางน้ำรอบสุดท้ายที่ใช้ระยะเวลา 25 นาที ที่บริเวณชายแดนประเทศโบลิเวีย และอาร์เจนตินา มีผู้ทำคะแนนได้สูงสุด 4 คนแรกเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ ซึ่งได้แก่ มาร์ทิน ดเรเยอร์ จากแอฟริกาใต้ ทำคะแนนได้ทั้งสิ้น 749 แต้ม ส่วนอันดับ 2 เป็นของ คริส แจนเซนส์ จากเบลเยียม ได้ 709 แต้ม ขณะที่ ดมิทรี ทิมอคิน จากรัสเซีย และชอง-แบพติสต์ กาเล จากฝรั่งเศส ได้ 694 แต้ม และ 643 แต้ม ตามลำดับ
โดยในรอบสุดท้าย สื่อมวลชน และกองเชียร์จำนวนมาก ต่างมาร่วมทำข่าวและร่วมเชียร์ผู้เข้าแข่งขัน 4 คนที่เหลือ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มาร์ทิน ผู้มีคะแนนนำ ได้ออกสตาร์ทก่อน จากนั้นคนอื่นๆ จึงค่อยๆ ทยอยตามลงไปในแม่น้ำ ในด่านที่ 2 จะเป็นการแข่งขันในเส้นทางเขาวงกต ซึ่งทุกคนจะต้องมุ่งไปตามเส้นทาง โดยใช้สีตามธงชาติเป็นตัวกำหนด และเมื่อไปถึงปลายทางที่ถูกต้อง ทุกคนก็จะพบกับตัวเลขและตัวอักษรที่สลับกันอยู่ หากเลือกรหัสได้อย่างถูกต้อง ก็สามารถผ่านเข้าไปยังด่านต่อไปได้
มาร์ทิน โชว์ความแกร่งด้วยการผ่านด่านที่ 2 ไปอย่างง่ายดาย โดยไม่แสดงทีท่าว่าเจ็บปวดจากบาดแผลบริเวณขาซึ่งสร้างปัญหาให้กับเขาตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย ส่วน คริส ก็สามารถผ่านเขาวงกตในด่านที่ 2 ไปได้อย่างไม่ยากเย็น ในขณะที่ ดมิทรี และชอง-แบพติสต์ ลืมไปว่า ต้องเพิ่มตัวเลขเข้าไปในรหัสด้วย จึงทำให้เสียเวลาไปหลายนาที และทำให้การแข่งขันครั้งนี้กลายเป็นการแข่งขันระหว่าง มาร์ทิน และคริส อย่างเด่นชัด
มาร์ทิน เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญการพายเรือคายัค เคยเป็นผู้ชนะในการแข่งขันวิ่ง/พายเรือคายัค ของแอฟริกา หลายสมัยติดต่อกัน จนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานของนักกีฬาระดับชาติ เมื่อ มาร์ทิน กับคริส ตีคู่กันมาตามแม่น้ำ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ มาร์ทิน จะทำความเร็วนำ อย่างไรก็ตาม คริส ก็สามารถทำความเร็วตีตื้นขึ้นมาจนห่างจาก มาร์ทิน เพียงครึ่งนาที
ในด่านต่อมา ทั้ง 2 คนต้องแข่งขันกันแก้ปัญหาเชาว์เกี่ยวกับการเรียงชื่อของผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นๆ ตามลำดับตัวอักษร ซึ่ง คริส เกือบจะเอาชนะ มาร์ทิน ได้อยู่แล้ว แต่ในที่สุด ความจำของ มาร์ทิน ก็ดีกว่า ช่วยให้เขาสามารถออกตัวกลับลงไปในแม่น้ำได้เร็วกว่า และมาตบฝากระโปรงรถ เรนจ์ โรเวอร์ คันใหม่เอี่ยมที่จอดรอเป็นรางวัลอยู่ได้ก่อน ทำให้เขาคว้าชัยชนะในการแข่งขัน LAND ROVER G4 CHALLENGE 2006 ไปได้ในที่สุด
มาร์ทิน ดเรเยอร์ สุดยอดนักกีฬาผจญภัยระดับตำนานชาวแอฟริกาใต้ ผู้คว้าชัยชนะในการแข่งขัน LAND ROVER G4 CHALLENGE 2006 ในครั้งนี้กล่าวด้วยความดีใจว่า "นี่เป็นวินาทีที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยครับ ผมยังไม่อยากเชื่อว่าผมเป็นผู้ชนะ เพราะการแข่งขันที่ผมเคยเข้าร่วมยาวเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น แต่การแข่งขันครั้งนี้นานร่วมเดือน ในรอบสุดท้ายถือว่าทรหดมากครับ ตอนแรกคิดว่าต้องแพ้แน่ แต่ในที่สุดก็สามารถมาถึงเส้นชัยพร้อมกับรถยนต์ เรนจ์ โรเวอร์ ได้สำเร็จ คริส เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวตั้งแต่แรกจนถึงรอบสุดท้าย ส่วน ดมิทรี และชอง-แบพติสต์ ทั้ง 2 คนก็ทำได้ดีทีเดียวครับ"
นิโคลา เดวีส์ ประธานจัดการแข่งขัน LAND ROVER G4 CHALLENGE กล่าวทิ้งท้ายว่า "ในฐานะผู้จัด เรารู้สึกพอใจกับการแข่งขันที่จัดขึ้นในครั้งนี้มาก แน่นอนว่า เรามีผู้ที่ต้องพลาดหวังจากชัยชนะถึง 17 คนในวันนี้ แต่ทุกคนก็ได้ประสบการณ์และความทรงจำที่สุดยอด รวมถึงได้มิตรภาพดีๆ กลับไป ดังนั้น การแข่งขัน LAND ROVER G4 CHALLENGE ในปีนี้ เป็นการเดินทางที่น่าประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งสำหรับทุกคน"
ในเดือนเมษายน 1970 ครั้งแรกที่มีการขับรถฝ่าบึงน้ำแดเรียนแกพ ข้ามพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ด้วยรถยนต์ เรนจ์ โรเวอร์ 2 คัน อัดแน่นด้วยอุปกรณ์ที่จำเป็นพร้อมกับหัวใจที่มุ่งมั่นของผู้ขับขี่
การเดินทางในครั้งนั้นได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับทีม แลนด์ โรเวอร์ การแข่งขัน LAND ROVER G4 CHALLENGE จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2003 โดยได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จากจุดเริ่มต้น ที่ใจกลางแมนฮัททันไปสิ้นสุดที่นครซิดนีย์ โดยผ่านเส้นทางที่ทรหดท้าทายในแอฟริกาใต้ แถบทวีปออสเตรเลีย จนถึงทะเลทรายโมแอบในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เป็นความสนุกสนานเร้าใจพร้อมๆ กับการชมทิวทัศน์ที่ชวนตื่นตาตลอดเส้นทาง
เดือนเมษายน 2006 การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง LAND ROVER G4 CHALLENGE เป็นประสบการณ์ที่รวมเอาความตื่นเต้นเร้าใจ การเดินทางผจญภัย และการแข่งขันระดับโลกเข้าไว้ด้วยกัน
จากบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันใจกลางเมืองจนถึงจุดที่แสนทุรกันดารห่างไกล การแข่งขันระยะเวลา 1 เดือนเต็ม เป็นการผสมผสานระหว่างการขับรถ 4x4 ขี่จักรยานเสือภูเขา พายเรือคายัค และปีนเขา ควบคู่ไปกับการใช้ความคิดวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการแข่งขัน
LAND ROVER G4 CHALLENGE จัดขึ้นอีกครั้งในปี 2006 ด้วยจุดเริ่มต้นในกรุงเทพ ฯ และสิ้นสุดที่ ริโอ เดอ จาเนโร ผ่านเส้นทางใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่ประเทศลาว ต่อด้วยการฝ่าพื้นที่อันแสนทรหดในโบลิเวีย ทวีปอเมริกาใต้ นับเป็นการเดินทางจากจุดในระนาบเดียวกับระดับน้ำทะเลไปสู่จุดที่สูงกว่าภูเขามองต์บลังค์เสียอีก
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13833