ท่องเที่ยว
แม้การเดินทางครั้งนี้จะมีหลายคนค้านว่า "ไปเที่ยวทะเลช่วงหน้าฝนสนุกตรงไหน เสี่ยงกับการเจอพายุฝน และลมมรสุม เสียเวลาเปล่าๆ" แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมหมดความตั้งใจ เพราะการที่เราได้ไปสัมผัสอะไรที่มันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ได้รู้จักมุมมองใหม่ๆ น่าจะเพิ่มสีสันให้กับชีวิตได้อย่างเกินคาด
แม้การเดินทางครั้งนี้จะมีหลายคนค้านว่า "ไปเที่ยวทะเลช่วงหน้าฝนสนุกตรงไหน เสี่ยงกับการเจอพายุฝน และลมมรสุม เสียเวลาเปล่าๆ" แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมหมดความตั้งใจ เพราะการที่เราได้ไปสัมผัสอะไรที่มันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ได้รู้จักมุมมองใหม่ๆ น่าจะเพิ่มสีสันให้กับชีวิตได้อย่างเกินคาด
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว คณะของเราจึงกางแผนที่ดูว่าสถานที่ไหนน่าสนใจ และเหมาะสมที่สุด หลังจากที่ใช้เวลาตัดสินใจอยู่พักใหญ่ ผมก็ไปสะดุดที่ เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ นึกขึ้นได้ว่ามีคนเคยบอกว่า ที่เกาะลันตาเปรียบเสมือนสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ไม่แพ้เกาะพีพี หรือที่ใดๆ เลย เราไม่พูดพร่ำทำเพลง เก็บสัมภาระเตรียมเดินทางมุ่งหน้าสู่เกาะลันตาทันที
เกาะลันตา เพี้ยนมาจากคำว่า ลัสตา ในภาษาท้องถิ่น ซึ่งหมายถึง ที่ตากปลา ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่คือ เกาะลันตาน้อย และเกาะลันตาใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งด้านอำเภอคลองท่อม
ไม่มากนัก โดยขับรถไปขึ้นท่าเรือบ้านหัวหิน ซึ่งเป็นท่าเทียบแพขนานยนต์ข้ามไปยังเกาะลันตาน้อย จากนั้นขับรถไปลงแพขนานยนต์เดินทางไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือบ้านคลองหมากบน
เกาะลันตาน้อย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พอขึ้นฝั่งแล้ว ขับรถขึ้นจากแพไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณสามแยกจากนั้นเลี้ยวขวา มีป้ายบอกทางไปยังท่าเรือหลังสอด จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามทางลูกรังสั้นๆ ถึงท่าเรือหลังสอด นำรถยนต์ลงแพขนานยนต์อีกครั้งเพื่อข้ามจากเกาะลันตาน้อยไปยังท่าเรือศาลาด่าน เกาะลันตาใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
เมื่อขึ้นแพที่บ้านศาลาด่าน เราก็เริ่มตระเวนท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ทันทีโดยเริ่มจาก
หาดคลองดาว
หาดนี้ทรายสีน้ำตาลสะอาด ลาดเอียงลงทะเล และด้วยความที่หาดยาวเกือบ 2 กม. ทำให้เป็นหนึ่งในหาดยอดนิยมของเกาะลันตา มีที่พักตลอดแนวหาดให้เลือกตามชอบใจ ยิ่งเวลาน้ำลดหาดทรายจะกว้างยิ่งขึ้น ขนาดตั้งสนามฟุตบอลได้สบายๆ แม้จะมีคนมาพักหาดนี้เยอะ แต่ด้วยลักษณะหาดที่ยาวมากจึงกระจายคนไม่ให้หนาแน่นเกินไป ตกกลางคืนจะมีแสงไฟจากร้านบาร์เบียร์ และซีฟูดริมหาด ปิ้ง ย่าง บาร์บีคิว เป็นหาดที่พักแล้วไม่เหงาทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถเล่นน้ำได้ จะพักผ่อนใต้ทิวมะพร้าว พลบค่ำสนุกสนานเฮฮาไปกับร้านอาหารริมหาด ที่พักบนหาดนี้มีให้เลือกใช้บริการหลายแห่งหลายราคา เนื่องจากเป็นชายหาดที่มีจำนวนที่พักมากที่สุดบนเกาะลันตา
หาดพระแอะ
บางคนเรียกว่า หาดลองบีช (LONG BEACH) ชื่อก็บอกศัพท์ชัดแล้วว่ายาวจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้เขาเรียกกันว่า หาดพระแอะ มากกว่า
ความยาวของหาดนี้ประมาณ 2 กม. ลักษณะทอดยาวตรงๆ เป็นหาดทรายสีแดงอมน้ำตาล น้ำทะเลลงเล่นได้ แม้บางช่วงอาจจะลึกคลื่นโต แต่ฝรั่งชอบ บางช่วงของหาดจะสลับด้วยกองหินดูสวยงามไปอีกแบบ ตลอดแนวหาดพระแอะร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวสลับทิวสนทะเล ใครที่ชอบถ่ายภาพ หามุมสวยๆ ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะช่วงเย็นที่หาดพระแอะจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก
หาดคลองโขง
อีกหาดหนึ่งที่เชื่อมต่อจากหาดพระแอะ ความยาวของชายหาดประมาณ 2 กม. เป็นหาดทรายที่สลับกับหินมากหน่อย แม้ไม่เด่นเรื่องหาดทราย แต่หากใครชอบความสงบจริงๆ หาดนี้ไม่ผิดหวัง เหมาะกับการพักผ่อน นอนเล่น อ่านหนังสือ หรือเดินเล่น ถ้าเดินเลาะหาดไปเรื่อยๆ จะได้ชมมุมสวยงามของหาด ที่แม้จะเป็นหาดเดียวกันแต่สวยต่างกัน เช่น บริเวณคลองโขงที่ไหลลงทะเล มีหาดทรายขาวสะอาด ทิวทัศน์สวยงาม ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว มีเรือหางยาวของชาวประมงจอดอยู่บริเวณนี้ ใครชอบถ่ายภาพ มุมนี้สุดยอด
หาดคลองโตบ
อ่าวเล็กๆ อยู่ในมุมส่วนตัว ได้จับจองเป็นเจ้าของทรายสีแดงเม็ดใหญ่ บางช่วงเป็นก้อนกรวดเล็กๆ หัวหาดเป็นโขดหิน หากยืนอยู่ที่หัวหาดแล้วมองมายังหาดจะเห็นเป็นโค้งอ่าวที่สวยงามมาก หาดคลองโตบมีความลาดเอียงที่กำลังดี เล่นน้ำได้ เสน่ห์ของหาดนี้ คือ ความเงียบสงบ บางวันจะมีชาวประมงท้องถิ่นนำเรือหางยาวขึ้นมาจอดบนชายหาด ทำให้ได้บรรยากาศทะเลเดิมๆ ของที่นี่ สำหรับคุณๆ ที่ปรารถนาจะได้พักผ่อนเป็นการส่วนตัว บรรยากาศสบายๆ เหมาะสำหรับครอบครัว หรือคนรู้ใจ
หาดคลองนิน
หาดนี้แม้จะเป็นหาดขนาดเล็ก แต่น่าสนใจ ภาพแรกที่เราได้เห็นเมื่อมาถึงที่นี่คือ แนวต้นเตยทะเล หรือต้นลำเจียก ซึ่งขึ้นเป็นแนวกำแพงบังหาดเอาไว้ ต่างกับหาดอื่นที่มีมะพร้าว และทิวสน เป็นหาดทรายที่เล่นน้ำได้ มีแนวหินสลับอยู่หลายช่วง น้ำค่อนข้างลึกสักหน่อย หาดคลองนินมีทิวทัศน์แปลกตา และสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม เป็นอีกหาดหนึ่งที่สงบเงียบ แต่ไม่ถึงกับเหงาจนเกินไป หากพักที่หาดนี้แล้วจะไปเที่ยวแหลมโตนด อันเป็นที่ตั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา หรือจะเที่ยวน้ำตกถ้ำเขาไม้แก้ว ก็สะดวกเช่นกัน
อ่าวบากันเตียง
หาดนี้อยู่ถัดไปจากหาดคลองนิน หาดบากันเตียงเป็นโค้งอ่าวที่เป็นรูปครึ่งวงกลม สวยงามมาก ทรายสะอาด น้ำทะเลค่อยๆ ลดลง หัวหาดและท้ายหาดเป็นเนินเขาขนาบอยู่ ถ้าจะดูหาดนี้ให้สวยงามต้องมองจากเนินเขาจะเห็นหาดทั้งหมด และเห็นท้องทะเลสุดสายตา เส้นขอบฟ้า กับขอบน้ำ ผสานกลมกลืนกัน
หาดนี้มีที่พักไม่มากนัก แต่ที่มีวิวสวยที่สุดต้องยกให้ ลันตามารีน พาร์ควิว ซึ่งอยู่บนเนินเขา ทิวทัศน์สวย หากต้องการจะเล่นน้ำทะเล มีบันไดลงหาดได้เลย และบริเวณทานอาหารสไตล์ธรรมชาติ มองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงาม จากหาดบากันเตียงสามารถเดินทางไปเที่ยวแหลมโตนด ดูพระอาทิตย์ขึ้นได้
ถัดไปจากหาดบากันเตียง จะมีอ่าวเล็กๆ ชื่อว่า อ่าวนุ้ย หากผ่านไปผ่านมาน่าจะแวะไปชมทิวทัศน์ มีจุดชมวิวข้างถนนบนเขามองลงไปยังอ่าวนุ้ย สวยดี
อ่าวคลองจาก
หาดนี้สวยงามความโค้งกำลังดี หัวหาดและปลายหาดเป็นเนินเขา ระยะทางหาดราวครึ่งกิโลเมตร เดินเล่นสบายๆ น้ำทะเลที่นี่สีสวยมาก ทรายสะอาด สีขาวละเอียด บรรยากาศร่มรื่นด้วย
ทิวมะพร้าว จากชายหาดมองเห็นขุนเขาสีเขียวขจีตระหง่าน ช่วงกลางเกาะยังมีลำคลองน้ำใสไหลเย็นเดินทางออกมายังทะเล หาดสงบเป็นส่วนตัว ธรรมชาติของท้องทะเลสวยงาม เป็นหาดหนึ่งที่ฝรั่งนิยมมาพักแบบ LONG STAY จากหาดนี้มองเห็นเกาะรอกชัดเจน และเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับเกาะรอก จากหาดนี้สามารถเดินเที่ยวน้ำตกคลองจากได้
อ่าวไม้ไผ่
เป็นอ่าวสุดท้ายก่อนถึงแหลมโตนดปลายเกาะ อ่าวนี้ฝรั่งเรียก LAST BEACH เป็นหาดที่สวยงาม หาดทรายสีขาวละเอียดแน่น และหาดกว้างมาก สลับด้วยโขดหิน บางช่วงลงเล่นน้ำได้ดี เหมาะกับการพักผ่อนส่วนตัว เพราะอยู่ไกลกว่าเพื่อน แต่สวยคุ้มค่าต่อการเดินทาง จากอ่าวไม้ไผ่นี้ ไปเที่ยวแหลมโตนดได้สะดวก เพราะถัดไปก็เป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งเป็นมุมสัญลักษณ์ของเกาะลันตา เลยก็ว่าได้
เส้นทางสู่อ่าวไม้ไผ่จะเป็นทางขึ้นเขาก่อนลงสู่อ่าว สามารถมองเห็นวิวอ่าวไม้ไผ่ในมุมสูงได้สวยงาม ภาพของชายหาดกว้างสีขาวสะอาดตา ตัดกับสีเขียวมรกตของน้ำทะเล ร่มรื่นด้วย
สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า ช่วยทำให้อ่าวไม้ไผ่มีเสน่ห์ แม้หนทางจะลำบากจากพื้นลูกรัง และการขึ้น/ลงเขา แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับการมาเยือน
แหลมโตนด
อยู่ปลายสุดของเกาะ ลักษณะของแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ทำให้มีหาดยื่นออกไป 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งเป็นหาดทราย อยู่ทางทิศตะวันออก อีกด้านหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก เป็นหาดหิน
ทั้งหาด หรือเรียกมุมนี้กันว่า หาดหินงาม ปลายเกาะมีเนินเขาเตี้ยเป็นที่ตั้งของประภาคาร มีเส้นทางเดินขึ้นไปบนประภาคารได้ เมื่ออยู่บนที่ตั้งประภาคารแล้วมองกลับมาที่แหลมจะเห็น
หาด 2 หาดสวยงาม บนฝั่งจะเป็นดงตาลโตนดที่มีอยู่มากมาย จนเป็นชื่อของแหลมโตนด จากแหลมโตนดมองเห็นเกาะไหง และเกาะรอก ได้อย่างชัดเจน เป็นตำแหน่งที่เกาะลันตาอยู่ใกล้กับเกาะไหง เพียง 18 กิโลเมตร และเกาะรอก เพียง 30 กิโลเมตร แหลมโตนดยังเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยาน ฯ จะพักก็ได้ คิดคืนละ 200 บาท/หลัง นอนได้ 2 คน ค่าเข้าอุทยาน ฯ
คนไทยคนละ 20 บาท ชาวต่างชาติคนละ 200 บาท
เราได้แวะไปเยือนวิถีชีวิตของ "บ้านชาวเลสังกาอู้" ผู้บุกเบิกเกาะลันตาก่อนใครเพื่อน ที่หมู่บ้านสังกาอู้ เป็นชุมชนที่ปลูกสร้างบ้านไม้ชั้นเดียว เรียบๆ ง่ายๆ ติดทะเล ทำมาหากินกับอาชีพ
ประมง ส่วนที่บ้านสังกาอู้อยู่ห่างจากศาลาด่านไป 27 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านใหญ่ทีเดียว มีถนนราดยางไปถึง ผ่านสถานีตำรวจและที่ว่าการอำเภอหลังเก่าไป ช่วงก่อนถึงบ้านสังกาอู้
ทางขึ้นเขาสามารถเห็นทิวทัศน์ทะเลสวยงาม ชาวเลที่บ้านสังกาอู้เป็นชุมชนใหญ่ริมทะเล ชายหาดด้านนี้เป็นหินล้วนๆ อยู่ใกล้กับเกาะปอ เกาะบูบู นั่งเรือหางยาวไปเที่ยวได้
ชาวเลที่นั่นสังเกตง่ายๆ พวกเขาคล้ายซาไก ผิวสีดำสนิท ผมหยิกเหมือนนิโกร ผู้ชายออกทะเลหาปลา ซึ่งส่วนใหญ่ทำประมงขนาดเล็ก ส่วนผู้หญิงอยู่บ้าน แทบทุกคนจะนุ่งผ้ากระโจมอก หมู่บ้านสังกาอู้นี้เหมาะกับคนที่ชอบชมวิถีชีวิตผู้คน และหากอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น อย่าลืมช่วงเดือนเมษายน และตุลาคม เขาจะจัดงานลอยเรือไม้ระกำประเพณีดั้งเดิมของสังกาอู้
เราอำลาเกาะลันตา แล้วเดินทางต่อไปยัง "น้ำตกร้อน" หนึ่งในความมหัศจรรย์ของน้ำตกเมืองไทย โดยขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงอำเภอคลองท่อม แล้วเลี้ยวขวาไปทาง
อำเภอลำทับ จะมีป้ายบอกทางไปน้ำตกร้อนตลอดทาง
แม้น้ำตกแห่งนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ชอบอาบน้ำแร่แช่น้ำตก และชอบผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติของป่าเขียวขจี น้ำตกร้อนมีอุณหภูมิของน้ำประมาณ
39 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะกับการนอนแช่ให้สบายตัว และเป็นน้ำตกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
บริเวณใกล้เคียงกับน้ำตกร้อน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่เราพลาดไม่ได้ คือ "สระมรกต" หนึ่งใน UNSEEN THAILAND ที่มีความงามทางธรรมชาติ และหาดูได้ที่นี่
เพียงแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม
เราออกจากน้ำตกร้อน มุ่งหน้าสู่สระมรกต ไปตามเส้นทางคลองท่อมใต้-ทับไทร ประมาณ 7 กิโลเมตร มาถึงบริเวณลานจอดรถซึ่งเป็นทางเข้าสระมรกต โดยเส้นทางที่เราจะเดินเท้า
เข้าไปนั้นผ่านป่าทุ่งเตียว ป่าที่ราบต่ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด และยังเป็นแหล่งอาศัยของนกแต้วแร้วท้องดำ นกหายากและใกล้จะสูญพันธุ์อีกด้วย
สำหรับเส้นทางการเดินเท้านั้นต้องเข้าไปอีกประมาณ 800 เมตร ก็จะมาถึงสระมรกต สระน้ำกลางป่าที่เกิดจากการตกตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนท จึงทำให้น้ำในสระใส
จนมีสีเหมือนมรกต นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ไม่ควรนำสบู่หรือแชมพูไปใช้ เพราะจะทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป เราใช้เวลาอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเดินทางกลับ
เพราะเฆมฝนเริ่มก่อตัวครึ้มมาอีกครั้ง ส่งท้ายการเดินทางในครั้งนี้
การเดินทาง
เรือโดยสาร จากตัวเมืองกระบี่ มีเรือโดยสารออกจากท่าเรือเจ้าฟ้า มาถึงท่าเทียบเรือบ้านศาลาด่าน ออกเวลา 10.00 น. และเวลา 13.30 น. ใช้เวลาดินทางประมาณ 2 ชม.
สำหรับขากลับมีเรือโดยสารออกจากท่าเทียบเรือบ้านศาลาด่าน เวลา 08.00 น. และเวลา 13.00 น. เรือโดยสารมีเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนพฤษภาคม ของทุกปี
นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยคิดว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะลันตา สามารถเดินทางไปได้โดยทางเรือเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันสามารถเดินทางไปได้โดยรถส่วนตัว หรือรถตู้ประจำทางปรับอากาศก็ได้
รถยนต์ส่วนตัว จากตัว อ. เมือง จ. กระบี่ เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 4 (สายกระบี่-ตรัง) ผ่านหน้าสนามบิน จ. กระบี่ และ อ. คลองท่อม ถึงบ้านห้วยนำขาว สังเกตเห็นทางแยกด้าน
ขวามือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4206 ไปอีก 29 กม. ถึงท่าเรือบ้านหัวหิน ซึ่งเป็นท่าเทียบแพขนานยนต์ข้ามไปยังเกาะลันตาน้อย แพขนานยนต์เริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 07.30-20.00 น.
จากนั้นขับรถยนต์ไปลงแพขนานยนต์เดินทางไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือบ้านคลองหมาก บนเกาะลันตาน้อย ใช้เวลาประมาณ 15 นาที อัตราค่าบริการรถยนต์ 1 คัน รวมคนขับ 1 คน ค่าบริการ 50 บาท ผู้โดยสารคนละ 3 บาท พอขึ้นฝั่งที่ท่าเรือบ้านคลองหมาก บนเกาะลันตาน้อยแล้ว ขับรถขึ้นจากแพไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณสามแยก จากนั้นเลี้ยวขวา ถนนราดยางอย่างดีผ่านหมู่บ้านและสวนยางพารา จะมีป้ายบอกทางไปยังท่าเรือหลังสอด จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางลูกรัง ถึงท่าเรือหลังสอด นำรถยนต์มาลงแพขนานยนต์อีกครั้งเพื่อข้ามจากเกาะลันตาน้อยไปยังท่าเรือศาลาด่าน เกาะลันตาใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที อัตราบริการรถยนต์คันละ 50 บาท ผู้โดยสารไม่คิดสตางค์ ขึ้นแพที่บ้านศาลาด่าน จากนั้นขับรถมาตามทางหลวงหมายเลข 4245 จนถึงสามแยกมีป้ายบอกเส้นทางเลี้ยวซ้ายไปบ้านสังกาอู้ เส้นทางเลี้ยวขวาไปบ้านศาลาด่าน หากต้องการท่องเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ให้เลี้ยวซ้ายตามไปบ้านสังกาอู้ ราวๆ บริเวณกิโลเมตรที่ 12-13 มีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไปอุทยาน ฯ ระยะทางอีกประมาณ 13 กม. รวมระยะทางจากท่าเทียบเรือแพขนานยนต์
บ้านศาลาด่านถึงอุทยาน ฯ หมู่เกาะลันตา ประมาณ 26 กม.
หมายเหตุ : เส้นทางจากถนนจากท่าเรือศาลาด่าน ไปยังที่ทำการอุทยาน ฯ บางช่วงโดยเฉพาะก่อนถึงที่ทำการอุทยาน ฯ มีหลุมบ่อ และทางชันมาก ไม่ควรนำรถยนต์นั่งไป แต่รถยนต์
ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไปได้สบาย
รถตู้โดยสาร จากตัวเมืองกระบี่ มีรถตู้โดยสารปรับอากาศเดินทางไปยังเกาะลันตาใหญ่ วันละ 3 เที่ยว โดยขึ้นรถตู้ปรับอากาศได้ที่บริษัทธนาทัวร์ ตรงข้ามโรงแรมซิที รถออกเวลา
11.00 น./13.30 น. และเที่ยวสุดท้ายเวลา 16.00 น. สำหรับเกาะลันตาใหญ่ไปเมืองกระบี่ วันละ 2 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 06.30 น. และ 11.00 น. ค่าบริการคนละ 120 บาท
สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ จ. ตรัง และมีความประสงค์จะเดินทางท่องเที่ยวไปยังเกาะลันตาใหญ่ให้เดินทางไปขึ้นรถตู้ปรับอากาศ คิวรถจอดอยู่ที่ เค.เค. ทัวร์ หน้าสถานีรถไฟ จ. ตรัง ค่าโดยสารคนละ 120 บาท รถออกทุกๆ ชั่วโมง
ที่พักเด็ด ที่กินดัง
อันดา ลันตา รีสอร์ท (ANDA LANTA RESORT)
ที่ตั้ง อ่าวนุ้ย เกาะลันตาใหญ่
บรรยากาศ สงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ร่มรื่นด้วยทิวไม้ หาดกว้าง น้ำทะเลใสสบายๆ กับรีสอร์ทส่วนตัว ลิ้มรสอาหารทะเลสด
ราคา 1,500-5,500 บาท
ติดต่อ 79 หมู่ 5 เกาะลันตาใหญ่ จ. กระบี่ 81150 โทร. (075) 607-555 โทรสาร (66) 75-607-599 www.andalanta.com
ลันตา มารีน พาร์ค วิว รีสอร์ท (LANTA MARINE PARK VIEW RESORT)
ที่ตั้ง หาดบากันเตียง เกาะลันตาใหญ่
บรรยากาศ อยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นหาดบากันเตียงได้ตลอดแนว ห้องอาหารสไตล์ธรรมชาติมองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงาม
ราคา 300-900 บาท
ติดต่อ 58 หมู่ 5 เกาะลันตาใหญ่ จ. กระบี่ 81150 โทร. 0-1956-2935
ที่กิน
KHAO YAI RESTAURANT
ที่ตั้ง เกาะลันตาใหญ่ บนเส้นทางไปบ้านสังกาอู้
บรรยากาศ ร้านอาหารบนยอดเขา มองเห็นทิวทัศน์ทะเลตรัง และหมู่เกาะต่างๆ
เมนูเด่น ยำกุ้งฟู (80 บาท)
กุ้งผัดซอสมะขาม (150 บาท)
ยำทูน่าเกี้ยวกรอบ (100 บาท)
ปลากะพงทอดกระเทียม (210 บาท)
เปิดบริการ 08.00-21.00 น.
ติดต่อ โทร. (075) 697-244
ขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
เรื่องโดย : ถาวร พรมพิทักษ์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ท่องเที่ยว
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13729