พิเศษ
4 WHEELS สัมภาษณ์ ชนัตต์ ทัศนสุวรรณ ผู้จัดการสื่อสารการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงความเป็นมาของรถกระบะ สายพันธุ์ ซูม ซูม รุ่นใหม่ "บีที-50" เราจะไปดูกันว่า ปีนี้ มาซดา เขาคิดอย่างไร กับสถานการณ์ตลาดรถกระบะในเมืองไทย ที่แข่งขันกันดุเดือด ชนิดถึงลูก ถึงคน
4 WHEELS สัมภาษณ์ ชนัตต์ ทัศนสุวรรณ ผู้จัดการสื่อสารการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ถึงความเป็นมาของรถกระบะ สายพันธุ์ ซูม ซูม รุ่นใหม่ "บีที-50" เราจะไปดูกันว่า ปีนี้ มาซดา เขาคิดอย่างไร กับสถานการณ์ตลาดรถกระบะในเมืองไทย ที่แข่งขันกันดุเดือด ชนิดถึงลูก ถึงคน
4 WHEELS : ทำไม มาซดา ถึงต้องเปลี่ยนชื่อรถกระบะใหม่ ?
ชนัตต์ : จริงๆ แล้ว มาซดา ไฟเตอร์ อยู่ในตลาดรถกระบะเมืองไทยมาร่วม 7-8 ปี และในครั้งนี้ มาซดา ออกรถกระบะรุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนทั้งหน้าตา ภายใน และเครื่องยนต์ใหม่ ทางบริษัทแม่ในญี่ปุ่นเองก็ได้ดำริให้ภาพรวมของรถใหม่ เลยอยากเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อให้เกิดความรู้สึกใหม่ๆ กับผู้บริโภค และเดิมชื่อของรถกระบะในเมืองไทย เราเรียกว่า ไฟเตอร์ ในออสเตรเลีย เรียกว่า บราโว ในสหรัฐ ฯ เรียก บี ซีรีส์ มันหลากหลาย บริษัทแม่อยากให้เป็นชื่อเดียวกันทั่วโลก เช่น มาซดา 3 เอมเอกซ์-5 แล้วทำไมรถกระบะถึงเรียกไม่เหมือนกัน เลยใช้ชื่อเดียวกันทั่วโลก เป็นชื่อที่เข้ากับระบบการตั้งชื่อใหม่ ของ มาซดา ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ในหมวดรถนั่ง จะเป็นเลขตัวเดียว แต่ถ้าเป็นรถเชิงพาณิชย์ จะเป็นเลข 2 ตัว เช่น 50 เป็นต้น
ส่วนคำว่า บีที ที่จริงเป็นรากฐานเดิมของ บี ซีรีส์ ส่วน ที คนเขาก็บอกว่า ย่อมาจาก ไทยแลนด์ หรือเบสต์ ทรัค ซึ่งใน มาซดา เองเราก็เรียกกันเล่นๆ เหมือนกัน รวมๆ แล้วมันเป็นรหัสสำหรับรถกระบะมากกว่า
4 WHEELS : หลังจากเปลี่ยนชื่อแล้ว การตลาดทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง ?
ชนัตต์ : เราทำความเข้าใจใหม่ให้กับผู้บริโภค โดยการพรีลอนศ์ ก่อนการเปิดตัวรถ ทำเป็นโฆษณาชื่อออกมาก่อน ประมาณครึ่งเดือน และทำโฆษณาสั้น เกี่ยวกับเครื่องยนต์ตามออกมา หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ส่งเสริมการตลาดต่างๆ เช่น ธง เสื้อยืด ชุดพีโอพี เราก็จะเน้นชื่อของรถ บีที-50 ใหญ่ๆ เยอะๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้จักได้เร็วขึ้น และคุ้นเคย แต่สุดท้ายก็แทรกความเป็น มาซดา เข้าไว้ด้วย
4 WHEELS : มีผลตอบรับจากผู้บริโภค อย่างไรบ้าง ?
ชนัตต์ : เรากังวลเหมือนกัน เพราะเป็นชื่อใหม่ สุดท้ายเราคิดว่า ภาษาอังกฤษ ตัวอักษร B และ T นั้น สมัยนี้ คนไทยน่าจะอ่านออก มันน่าจะง่ายกว่า คำว่า FIGHTER ด้วยซ้ำ เพราะชื่อ ไฟเตอร์ มันต้องสะกด ส่วน บีที น่าจะอ่านได้ง่ายกว่า ส่วนตัวเลขนั้น เป็นอัตโนมัติอยู่แล้ว ที่เราจะเรียก 50 เรื่องของการรับรู้ ไม่ยากเท่าไหร่ ผู้บริโภคอ่านและจำได้ง่ายกว่า ตอบรับมาดีกว่าที่คิด ในระยะยาวน่าจะดีกว่า ไฟเตอร์
4 WHEELS : จากการเปิดตัว และผ่านงานมอเตอร์โชว์มาแล้ว ผลตอบรับในด้านตัวเลข เป็นอย่างไร ?
ชนัตต์ : ตัวเลขหลังจากเปิดตัวครึ่งเดือนแรก เรามียอดจองทั่วประเทศ ประมาณ 3,000 คัน และเราเริ่มทยอยส่งรถบ้างแล้ว
4 WHEELS : มาซดา บีที-50 มีจุดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร ?
ชนัตต์ : ทีมวิศวกร เขายึดหลักการออกแบบ ซูม ซูม ทรัค โดยแตกออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ เช่น มีสไตล์ บาลานศ์ และความแข็งแกร่ง
ขอเริ่มจากความแข็งแกร่ง เราหมายถึงเครื่องยนต์ คอมมอนเรล ใหม่ เรามีเครื่องยนต์ความจุ 2.5 และ 3.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ดีเซล วีจี เทอร์โบ ซึ่งเราใส่ทั้งสองรุ่น เราค่อนข้างภูมิใจเพราะเป็นเครื่องยนต์ที่ออกแบบโดยวิศวกร มาซดา จริงๆ ส่วนเรื่องสไตล์ คือ รูปลักษณ์ภายนอก ภายใน ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ภายนอกจะดูสปอร์ท ตัวกระบะมีขนาดกว้าง และสูงขึ้น ตามแบบที่ลูกค้าอยากได้ ไฟหน้า ไฟท้าย สปอร์ทตามแบบฉบับ มาซดา ส่วนภายในเราพิถีพิถันให้เหมือนรถรุ่นอื่นๆ ในครอบครัว มาซดา ทั้งสปอร์ท และเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์การใช้งาน และเรื่องบาลานศ์ เราหมายถึงช่วงล่าง ความปลอดภัย อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับความปลอดภัยต่างๆ ที่เราให้มาค่อนข้างครบถ้วน อีกความหมายหนึ่งคือ เรื่องของความสมดุล โพรดัคท์ของเราใหม่หมด แต่เราไม่ได้โพรโมทว่า เราเป็นรถที่แรงที่สุด ประหยัดน้ำมันที่สุด แต่เรายืนอยู่บนพื้นฐานการใช้งานจริงว่า มันให้ความสมดุลที่ดีกว่า ส่วนการประหยัดเชื้อเพลิง มันให้อัตราความสิ้นเปลืองที่ใกล้เคียง หรือเทียบเท่ากับรถกระบะที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป ทั้งแรง และประหยัดไม่แพ้ใครแน่นอน เราให้ความคุ้มค่ากับลูกค้ามากกว่า นั่นเป็นสิ่งที่เราอยากจะบอก เราเน้นความเป็น มาซดา เป็นรถที่ขับสนุก ปลอดภัย
4 WHEELS : ทำไมราคาถึงสูงกว่าคู่แข่งในตลาด ?
ชนัตต์ : ราคาที่สูงหรือต่ำกว่าใคร มันขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใส่ ภาระต้นทุน และสถานการณ์ตลาดของบ้านเราเป็นอย่างไร เราจะพิจารณาดูว่า ความสามารถของสินค้าเรา มันอยู่ตรงไหน
ถ้าเทียบกับคุณภาพและราคา ซึ่งเราถูกถามเยอะว่า ทำไมแพงกว่า หรือถูกกว่า ฟอร์ด ซึ่งเราไม่ได้ดูราคาคนอื่นเขา และคนอื่นก็ไม่ได้ดูเราเช่นกัน เรื่องการตั้งราคามันค่อนข้างเป็นเอกเทศ มันเป็นสิทธิของแต่ละคน มันอาจจะมีตัวแปรอย่างอื่นเข้ามาผสม แต่ของเราดูตลาดรวม และทิศทางของผู้บริโภคมากกว่า บางรุ่นสูงกว่าคนอื่น นั่นเป็นผลมาจากอุปกรณ์ที่เราใส่เข้าไป ทั้งนี้ทั้งนั้นเราดูจากผลของการวิจัยเป็นหลัก
4 WHEELS : แบ่งรุ่นทั้งหมดกี่รุ่น ?
ชนัตต์ : ประมาณ 15-20 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีอุปกรณ์ใส่ไม่เหมือนกัน เราพยายามแยกรุ่นย่อยเพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกมากขึ้น และเรามีรุ่นพิเศษ 4x2 ยกสูง แบบแคบเปิดได้ ส่วนรุ่น 4 ประตู เราไม่ได้ทำ เพราะดูแล้วเรายังไปไม่ถึง ถ้าถามว่า มันคุ้มทุนไหมที่จะทำ ความจริงมันอยู่ที่ราคาตั้ง บางทีมันอาจสูงไป และตลาดตรงส่วนนั้นมีคู่แข่งใหญ่ๆ หลายราย จากการศึกษาตลาดดูแล้ว มันยังไม่เหมาะที่ มาซดา จะลงไปแข่งขันตรงนั้น เราคงค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไป เพราะตลาดหลักของเรามาจากรุ่น 4x2 แบบธรรมดา ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา รถที่เราขายดีที่สุด เป็นรุ่นแคบ 4x2 ส่วนรุ่น 4x4 ขายน้อยมาก เราคิดว่าถ้าจะเปิดตลาดตรงนี้มากกว่า
4 WHEELS : จากยอด 3,000 คัน แบ่งเป็นรุ่นนี้ประมาณเท่าไร ?
ชนัตต์ : 20 % ซึ่งเราก็แปลกใจ และดีใจ เพราะมันสูงกว่าที่คิดไว้เยอะ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ลูกค้าที่รัก มาซดา เขาคงรอรถรุ่นนี้อยู่พอสมควร
4 WHEELS : ปีนี้ ตั้งเป้าหมายการตลาดรถกระบะ ไว้อย่างไร ?
ชนัตต์ : เราเริ่มขายในไตรมาสสอง คิดว่าส่วนที่เหลือ ประมาณ 12,000-14,000 คัน เป็นวอลูมที่ใกล้เคียงกับ ไฟเตอร์ ทั้งปี
4 WHEELS : แผนส่งเสริมการตลาด มีอะไรบ้าง ?
ชนัตต์ : หลังจบงานมอเตอร์โชว์ เรามีกิจกรรมใน 8 จังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ กำลังเริ่มจัดเป็นโรดโชว์ ของ มาซดา บีที-50 และสำหรับลูกค้าที่มาทดลองขับ จะมีของที่ระลึก พร้อมรางวัลใหญ่เป็นทองคำหนัก 3 บาท แจกให้ลูกค้าที่โชคดี ส่วนเรื่องการสื่อสาร เรามีแพลนที่จะลงสื่อ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ตลอดทั้งปี และเราคิดว่าจะจัดสัมมนาธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SMEs ให้แก่ลูกค้าของเรา จัดเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยเชิญวิทยากรที่ให้ข้อมูลตามที่ลูกค้าสนใจ
4 WHEELS : คุณคิดว่าปีนี้ ตลาดรถกระบะจะเติบโตขึ้นหรือไม่ ?
ชนัตต์ : เท่าที่ดูตัวเลขที่ผ่านมา มันโตขึ้น แต่เราโชคไม่ดีตรงราคาน้ำมัน ที่มันไม่นิ่ง คิดว่ามันจะเป็น
ปัจจัยหนึ่งที่มาชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่สุดท้ายคิดว่า มันน่าจะโตขึ้น แค่ไตรมาสแรก ตลาดรวมโตขึ้น
กว่า 10 % มันไม่แผ่วเลย ถ้าคิดเผื่อไว้ก่อน เชื่อว่าโตขึ้นแน่นอน ส่วนปัจจัยการเมือง เศรษฐกิจ
มันไม่ค่อยมีผลนัก หนักใจตรงราคาน้ำมันมากกว่า เพราะมันขึ้นแต่ละครั้ง เหมือนมันชอคผู้บริโภคไปเลย
ในอนาคตเราอาจจะนำจุดเด่นเรื่องการประหยัดน้ำมันมาเล่นก็ได้ เพราะโพรดัคท์เรามีทั้งรุ่น 2.5 และ 3.0 ลิตร ซึ่งเราชูเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร คอมมอนเรล อยู่แล้ว มันมีข้อได้เปรียบที่ดีกว่า ทั้งความแรง อัตราการสิ้นเปลือง และแรงบิด ตรงนี้มันเป็นกลุ่มลูกค้าของเรา ที่เขาซื้อแล้วนำไปใช้งานจริง
4 WHEELS : ในงาน MOTOR EXPO ปลายปีนี้ จะมีโพรดัคท์ใหม่เข้ามาเพิ่มหรือไม่ ?
ชนัตต์ : เราจะมีรถกระบะเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก สำหรับรถกระบะขนาด 1 ตัน เหมาะสำหรับลูกค้าระดับบน ที่ต้องการความสบาย แต่อยากได้ในรถกระบะ เรามองว่าเป็นนิชมาร์เกท เราอยากลองในกลุ่มลูกค้าระดับนี้ด้วย
เรื่องโดย : ลิขิต น้าประเสริฐ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13639