ทั่วไป
รถในแนวสันทนาการ หรือรถที่ใช้งานเพื่อการพักผ่อนในวันหยุด จากค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ ในรุ่น อาร์-คลาสส์ ถอดแบบมาจากรถแนวคิดรุ่น จีเอสที (GST) มีกำหนดผลิตออกขายประมาณปลายปีนี้
เมร์เซเดส-เบนซ์
จ่อคิวผลิตรถครอบครัวรุ่นหรู
รถในแนวสันทนาการ หรือรถที่ใช้งานเพื่อการพักผ่อนในวันหยุด จากค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ ในรุ่น อาร์-คลาสส์ ถอดแบบมาจากรถแนวคิดรุ่น จีเอสที (GST) มีกำหนดผลิตออกขายประมาณปลายปีนี้
ตัวถังในแบบฉบับของสเตชัน แวกอน ทำให้ระดับความสูงของตัวถังรถมีไม่มากนัก แต่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ออลล์วีลดไรฟ และใช้เครื่องยนต์ดีเซล วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 224 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 51.9 กก.-ม. ที่ 1,600 รตน. วางในรุ่นช่วงฐานล้อสั้น ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะรุ่นใหม่ และช่วงล่างแบบถุงลม ทำให้ อาร์-คลาสส์ สามารถเคลื่อนที่ไปได้ในทุกสภาพพื้นที่
เพราะชิ้นส่วนและอะไหล่หลายรายการ สามารถใช้งานร่วมกับรถรุ่น เอม-คลาสส์ และ จี-คลาสส์ ทำให้รุ่น อาร์-คลาสส์ น่าจะมีกำหนดผลิตที่โรงงานในอลาบามา โดยจะประกอบพร้อมกันทีเดียว 3 รุ่นคือ จี, เอม และอาร์-คลาสส์ ในโรงงานเดียวกัน ซึ่งทางผู้บริหารของ เมร์เซเดส-เบนซ์ คาดว่ารถรุ่นนี้ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ต้องการรถครอบครัว ที่คล่องตัว
โฟล์คสวาเกน
พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล ทีดีไอ ใหม่
โฟล์คสวาเกน วางแผนที่จะนำเอาเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร รุ่นใหม่ ที่ใช้หัวฉีดที่มีอัตราส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้มีกำลังสูงสุดถึง 168 แรงม้า และแรงบิดกว่า 35.6 กก.-ม. สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 229 กม./ชม. และมีอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ในเวลา 7.5 วินาที ซึ่งเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ รุ่นใหม่นี้ นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่น้อยมาก แต่ไม่ด้อยในเรื่องของกำลังทั้งแรงม้าและแรงบิด ซึ่งวิศวกรของค่าย โฟล์คสวาเกน มีแผนที่จะนำเอาเครื่องยนต์ดีเซล รุ่นใหม่นี้ มาวางในรถรุ่น โฟร์โมชัน (4MOTION) เช่นกัน
นับว่าเป็นเครื่องยนต์รหัสเด่นจากค่าย โฟล์คสวาเกน ถ้าไม่เน้นของใหม่ก็ยังมีเครื่องยนต์ดีเซล ทีดีไอ 2.0 รุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่มีขนาดกำลัง 138 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน เอฟเอสไอ ความจุ 2.0 ลิตร 145 แรงม้า ให้เลือกอีกด้วย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ใช้ในรุ่น โฟร์โมชัน เป็นระบบ HALDEX ที่ในการขับเคลื่อนปกติ แรงบิดประมาณ 90 % จะถูกถ่ายทอดไปยังล้อคู่หน้า และเมื่อมีล้อใดล้อหนึ่งเกิดการหมุนฟรี แรงบิดเต็ม 100 % จะถูกส่งไปยังล้อคู่หลังทันที
ไครสเลอร์
300C SRT-8 รถ 4x4 ที่เร็วที่สุด
ไครสเลอร์ 300C SRT-8 แท้ที่จริงก็คือ จีพ กแรนด์ เชอโรคี ใหม่ นั่นเอง ระบบขับเคลื่อนหลักในรถรุ่นนี้จะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ แต่มีอัตราทดเกียร์ 2 แบบให้เลือกใช้งาน ในสภาวะการใช้งานปกติ แรงบิดประมาณ 90 % จะถูกส่งไปยังล้อคู่หลังในขณะทำการขับเคลื่อน แต่เมื่อใดที่ล้อข้างใดข้างหนึ่งของล้อคู่หลังเกิดการลื่นไถล แรงบิดส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งและส่งไปยังล้อหน้า ช่วยเสริมการขับเคลื่อนทันที
เพราะ จีพ กแรนด์ เชอโรคี ใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยแผนกเพอร์ฟอร์มานศ์ STREET RACE TECHNOLOGY ทำให้ จีพ รุ่นนี้ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 272 กม./ชม. และมีอัตราเร่งจาก 0-99 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที ทั้งนี้เป็นผลมาจากการวางเครื่องยนต์ HEMI ความจุ 6.1 ลิตร ซึ่งมีกำลังสูงสุดถึง 420 แรงม้า เปรียบเทียบกับรถในขนาดและพิกัดเดียวกันแล้ว ยังไม่มีรถขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นใด สามารถทำความเร็วสูงสุดเทียบเท่าได้
จีพ เชอโรคี
กล้ารับประกัน ไร้สนิม 7 ปีเต็ม
สำหรับ จีพ เชอโรคี ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงหลายจุด แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้คือ มีการติดตั้งระบบไทร์ เพรสเชอร์ มอนิเตอริง ซึ่งเป็นระบบที่มีการใช้ใน ฮัมเมอร์ ก่อนหน้านี้ ช่วยให้คนขับสามารถควบคุมแรงดันลมยางของล้อทั้งสี่ได้จากภายในห้องโดยสาร ทำให้การผ่อนหรือการเติมแรงดันลมยางบนเส้นทางทุรกันดารเป็นไปอย่างสะดวก นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบ ESP (ELECTRONIC STABILITY PROGRAM) หรือระบบควบคุมการทรงตัวของรถด้วยไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันของบรรดาเซนเซอร์ตรวจจับความเร็วรอบล้อกับระบบเบรคเอบีเอส ทำให้การทรงตัวบนเส้นทางวิบากเป็นไปอย่างปลอดภัย
ในรุ่นสปอร์ท จะมีล้ออัลลอยและฝาครอบยางอะไหล่ให้ ในขณะที่รุ่นลิมิเทด จะมีระบบนำทางผ่านดาวเทียมพร้อมกับเบาะหนังที่ฝังฮีเตอร์
ขุมกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ 3.7 ลิตร เกียร์อัตโนมัติและเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.8 ลิตร ทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ระบบความปลอดภัยมีให้เพียบพร้อมทั้งระบบการทรงตัว เบรคเอบีเอส ถุงลมนิรภัยรอบคัน ทำให้ จีพ เชอโรคี รุ่นใหม่ สามารถผ่านการทดสอบการชนของสถาบัน NCAP ในระดับ 4 ดาว และเพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้น บริษัท ฯ ยังให้การรับประกันนานถึง 3 ปี หรือ 96,000 กม. และกันสนิมตัวถังนานถึง 7 ปี นอกจากนี้ ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน อีก 1 ปีเต็ม
ประกาศผล
รางวัล 4x4 OF THE YEAR 2006
- ดอดจ์ แรม รถพิคอัพ 4 ประตู ยอดเยี่ยม
รถพิคอัพพันธุ์ดุ ดอดจ์ แรม 1500 เอสแอลที (DODGE RAM 1500 SLT) เป็นรถ 4 ประตู วางเครื่องยนต์ HEMI 5.7 ลิตร ที่มีระบบมัลทิเพิล ดิสเพลศเมนท์ ที่เมื่อรถไม่มีโหลด เครื่องยนต์ทำงานแค่เพียง 4 สูบเท่านั้น เพื่อช่วยในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยห้องโดยสารที่เน้นความกว้างขวาง แต่เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบาย จากการดีไซจ์นภายในใหม่ ทำให้คนขับและผู้โดยสาร สัมผัสได้ถึงความสดใหม่ของห้องโดยสาร ระบบเพื่อการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงไฮเอนด์ วิทยุรับคลื่นผ่านดาวเทียม หรือแม้แต่ระบบดีวีดี ก็มีให้สำหรับผู้โดยสารบนเบาะแถวหลังได้ดู
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พาร์ทไทม์ ช่วงล่างหน้าเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ชอค และหลังแบบ TRX4 เพลาหลังมีระบบลิมิเทด สลิพ ให้มาพร้อม ระบบห้ามล้อทั้ง 4 เป็นแบบจาน พร้อมเอบีเอส
ด้วยขนาดตัวถังของรถที่ใหญ่ ทำให้การขับในเมืองที่มีการจราจรแออัดค่อนข้างจะแย่ แต่จะโดดเด่นเกาะถนนเป็นเยี่ยมในทุกช่วงความเร็ว เมื่อขับอยู่บนไฮเวย์ จากการจัดอันดับโดยนิตยสารรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ดอดจ์ แรม1500 เอสแอลที คันนี้ นับว่ายอดเยี่ยมในทุกๆ ด้าน
- ฮัมเมอร์ เอช 3 รถเอสยูวี ยอดเยี่ยม
ค่ายเจเนอรัล มอเตอร์ หรือ จีเอม ได้ทำรถ ฮัมเมอร์ เอช 3 (H3) ที่ถือว่าเป็นทายาทของรถที่เคยรับใช้ในสงครามทะเลทราย เอช 3 ถูกผลิตมาในแบบรถพลเรือน โดยใช้โครงสร้างตัวถังหลักจาก เชฟโรเลต์ โคโลราโด นำมาวางเครื่องยนต์แถวเรียง 5 สูบ 3.5 ลิตร มีกำลังสูงสุดถึง 220 แรงม้า มีระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ ระบบรองรับช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแกนปีกนกคู่ที่มีแขนบนล่างสั้นยาวไม่เท่ากัน ทำงานร่วมกับชอคอับ ส่วนด้านหลังเป็นแบบเพลาลอยบนแหนบ ระบบห้ามล้อแบบจาน ทั้ง 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส เพิ่มความสวยงามของช่วงล่าง ด้วยล้ออัลลอยขนาด 33 นิ้ว ระบบบังคับเลี้ยวเบามือด้วยระบบเพาเวอร์
ด้วยตัวรถมีระยะห่างใต้ท้องรถ ที่สูงมากเป็นพิเศษ และมีมุมปะทะ และมุมจาก ที่เอื้ออำนวยต่อการปีนป่ายทางชัน และที่ขาดไม่ได้คือ ระบบไทร์ เพรสเชอร์ มอนิเตอริง ที่ช่วยควบคุมแรงดันของล้อทั้ง 4 จากภายในห้องโดยสาร ทำให้การขับเคลื่อนบนเส้นทางวิบากราบรื่น ไร้อุปสรรค จนทำให้ ฮัมเมอร์ เอช 3 คว้ารางวัลรถเอสยูวี ยอดเยี่ยมประจำปีไปครองในด้านสมรรถนะบนทางวิบาก
- จีพ คอมมานเดอร์ รถที่ออกแบบภายในสวยสุดๆ
จีพ คอมมานเดอร์ (COMMANDER ) จัดเป็นรถเอสยูวี ขนาดกะทัดรัดที่สุดจากค่าย จีพ ขุมกำลังที่วางใน คอมมานเดอร์ เป็นเครื่องยนต์รุ่นเดียวกับที่วางใน ดอดจ์ แรม 1500 คือเครื่องยนต์ HEMI แบบ วี 8 สูบ ความจุ 5.7 ลิตร 330 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ แต่มีอัตราทดเกียร์ให้เลือกใช้ 2 แบบ พร้อมระบบควอดราดไรฟ ทู ทแรคชัน ที่ให้ผู้ขับเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนตามแต่สภาพเส้นทางที่ต้องการจะขับผ่านไป ระบบรองรับด้านหน้า เป็นแบบแกนปีกนกคู่ที่มีแขนบนล่างยาวไม่เท่ากัน ทำงานร่วมกับคอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบเพลาลอย 4 จุด พร้อมคอยล์สปริง ทำให้การขับเคลื่อนนุ่มนวลไม่แพ้รถสปอร์ทซีดานหรูๆ ยิ่งมีระบบทแรคชัน คอนทโรล เสริมการยึดเกาะถนนด้วยแล้ว หายห่วงได้ แม้ต้องขับในช่วงความเร็วสูง
ภายในห้องโดยสารออกแบบได้อย่างสมดุล มีความลงตัวทั้งในเรื่องการจัดวางอุปกรณ์และการเลือกใช้วัสดุ เน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยและสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย จนทำให้ จีพ คอมมานเดอร์ คว้ารางวัลรถที่มีการออกแบบภายในยอดเยี่ยม
นิสสัน เอกซ์เทอร์รา คว้ารางวัล เครื่องยนต์แรง แถมประหยัด
นิสสัน เอกซ์เทอร์รา (XTERRA) เป็นรถที่วางเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ 4.0 ลิตร 265 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พาร์ทไทม์ ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนก เออาร์ม พร้อมคอยล์โอเวอร์ชอคและเพลาลอยพร้อมแหนบในช่วงล่างหลัง ระบบห้ามล้อทั้ง 4 เป็นแบบจาน พร้อมเอบีเอส ระบบบังคับเลี้ยวแบบเพาเวอร์ ให้ความคล่องตัวเป็นอย่างดี แม้ต้องขับผ่านในตัวเมืองที่มีการจราจรแออัด มีระบบลอคเกอร์หลังที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ทำให้เมื่อต้องใช้แรงบิดสำหรับการปืนป่ายทางชันก็ไม่มีปัญหา หรือหากจำเป็นต้องวิ่งบนทางทราย ทางกรวด หรือแม้แต่ทางลูกรัง เครื่องยนต์ก็ยังมีกำลังเหลือเฟือ
แม้ว่าภายในห้องโดยสารจะดูเรียบไปหน่อย แต่เมื่อมองเปรียบเทียบในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ และความประหยัดแล้ว ถือว่าเยี่ยม จนทำให้ นิสสัน เอกซ์เทอร์รา คว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมในเรื่องสมรรถนะ และความประหยัดของเครื่องยนต์
ซูซู กแรนด์ วีทารา รถใช้งานในเมืองยอดเยี่ยม
ซูซูกิ กแรนด์ วีทารา (GRAND VITARA) วางเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ ความจุ 2.7 ลิตร 185 แรงม้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ เพราะตัวรถมีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างกะทัดรัด และดูปราดเปรียวสไตล์รถสปอร์ท ทำให้การกะระยะและตีวงเลี้ยวเมื่อขับในเมืองทำได้ง่ายดายกว่ารุ่นเก่า แต่เมื่อต้องนำไปวิ่งบนเส้นทางวิบากหรือครอสส์คันทรีแล้ว ไม่ค่อยจะดี ทั้งนี้เป็นผลมาจากเครื่องยนต์มีแรงบิดน้อยไปหน่อย
กแรนด์ วีทารา น่าจะเป็นรถคอมแพคท์เอสยูวี ที่ใช้งานในเมืองคล่องแคล่วมากกว่าที่จะเป็นรถลุยพันธุ์โหด โดยวัดจากประสิทธิภาพของการใช้งาน และกแรนด์ วีทารา ก็คว้ารางวัลรถใช้งานในเมืองไปครอง
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13600