ทั่วไป
ค่าย มาซดา เปิดตัวรถใหม่ในงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ที่ผ่านมา เป็นรถครอสส์โอเวอร์ใหม่ในชื่อรุ่นว่า ซีเอกซ์-7 (CX-7) กลุ่มเป้าหมายของ มาซดา เน้นไปที่ชาวอเมริกันที่รักการขับรถ 4x4
มาซดา
โชว์รถแนวคิด ซีเอกซ์-7
ค่าย มาซดา เปิดตัวรถใหม่ในงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ที่ผ่านมา เป็นรถครอสส์โอเวอร์ใหม่ในชื่อรุ่นว่า ซีเอกซ์-7 (CX-7) กลุ่มเป้าหมายของ มาซดา เน้นไปที่ชาวอเมริกันที่รักการขับรถ 4x4
ทั้งๆ ที่ชื่อรุ่นเป็นเลข 7 แต่กลับเป็นรถขนาด 5 ที่นั่ง รูปทรงเป็นรถครอสส์โอเวอร์ ที่ผสมผสานความเป็นรถวิบากและเอสเตท ไว้ในคันเดียวกัน ขุมกำลังที่วางในรถรุ่นนี้ เป็นเครื่องยนต์ DISI (DIRECT INJECTION SPARK IGNITION) เบนซิน เทอร์โบชาร์จ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเดียวกับที่จะวางใน มาซดา รุ่น 6 MPS เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ จะทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงสุดถึง 35.6 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 2,500 รตน.
วิศวกรของ มาซดา คุยว่า รถรุ่นนี้เป็นรถที่ขับสนุก ให้ความรู้สึกในการบังคับควบคุมรถเหมือนรถเก๋งมากกว่าที่จะเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไป ทั้งนี้เป็นผลมาจากโครงสร้างตัวถังแบบโมโนคอก ที่แข็งแกร่ง และระบบรองรับอิสระทั้ง 4 ล้อ คนขับสามารถเลือกที่จะขับแต่เฉพาะล้อหน้าได้ หากต้องการความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง หรือจะเลือกขับแบบออลล์วีลดไรฟ ที่จะแบ่งแรงบิดครึ่งหนึ่งไปยังล้อคู่หลังทันทีที่ตรวจพบว่ามีล้อใดล้อหนึ่งเกิดการลื่นไถล
สำหรับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ทาง มาซดา ยืนยันว่าสิ้นเปลืองเพียง 9.8 กม./ลิตร ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวางมาก และหากพับเบาะแถวหลังสุดลง จะทำให้มีเนื้อที่ในการบรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้น
เมร์เซเดส-เบนซ์
แนะนำ จีแอล-คลาสส์ รถที่มาแทน จี-แวกอน
จีแอล-คลาสส์ (GL-CLASS) ดาวเด่นอีกคันจากงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ เป็นรถใหม่จากค่ายดาวสามแฉก ที่น่าจะจัดได้ว่า เป็นรถรุ่นที่ใหญ่ที่สุดจากค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ เทียบได้กับรุ่น แมมมอธ เลยทีเดียว และเป็นรุ่นที่จะมาแทนรุ่น จี-แวกอน ที่มีอายุอานามยาวนานกว่า 26 ปี
โครงสร้างของตัวรถหลายส่วน เป็นการผสมผสานระหว่างรุ่น เอม-คลาสส์ และรุ่น อาร์-คลาสส์ ทรวดทรงองค์เอวดูแล้วคล้าย เรนจ์ โรเวอร์ และโพร์เช กาเยนน์ แต่คู่ปรับที่สำคัญของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เห็นทีจะเป็น แคดิลแลค เอสกาเลด และลินคอล์น เนวิเกเตอร์ สำหรับตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้อในสหรัฐอเมริกา
เครื่องยนต์มีให้เลือกหลายแบบ ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 4.6 ลิตร ตัวใหม่ 340 แรงม้า และเบนซิน วี 8 สูบ 5.5 ลิตร 388 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเป็นแบบ วี 6 สูบ 4.0 ลิตร 306 แรงม้า และแรงบิด 71.3 กก.-ม. เครื่องยนต์ทุกแบบใช้งานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
ภายในตัวรถจัดเรียงเบาะนั่งแบบ 5 ที่นั่ง แบ่งเป็นด้านหน้า 2 หลัง 3 และยังมีออพชันแบบ 7 ที่นั่งให้เลือกอีก เพื่อให้สามารถสู้กับคู่แข่งอย่าง แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี ได้
สำหรับอุปกรณ์เอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น มีให้ครบเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แถมยังมีทรานสเฟอร์บอกซ์เกียร์โลว์ ดิฟเฟอเรนเชียลหลัง และช่วงล่างที่ได้รับการอัพเกรด ที่ให้ช่วงยืด/ยุบมากเป็นพิเศษ และเพิ่มระยะความสูงจากพื้นให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
ซูซูกิ
เอสเอกซ์ 4 น้องใหม่มาแรง
น่าจะถือว่าเป็นน้องเล็กอีกรุ่นต่อจาก ซูซูกิ แกรนด์ วีทารา นั่นคือ เอสเอกซ์ 4 (SX4) ที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ที่ผ่านมา สำหรับรูปทรงตัวถัง ถือได้ว่าเป็นแฝดคนละฝาของ เฟียต รุ่น เซดิซี (SEDICI) เลยทีเดียว แต่ในเรื่องของราคาขาย ซูซูกิ จะถูกกว่ามาก
เหตุผลที่ ซูซูกิ เอสเอกซ์ 4 คล้ายคลึงกับ เฟียต เซดิซี เนื่องมาจากทั้งสองรุ่นนี้ ได้รับการออกแบบจากค่าย จูจาโร (GIUGIARO) สถาบันการออกแบบรถชื่อดังแห่งอิตาลี แต่ ซูซูกิ ทำรถตอบสนองการใช้งานแบบรถซอฟท์-โรเดอร์ ที่ใช้งานได้ทั้งแบบนอกเมืองและกลางแจ้ง
สำหรับการขับใช้งานแบบนอกเมือง จะให้ความรู้สึกในการขับเหมือนรถเก๋ง และให้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นยอด ในขณะที่การใช้งานกลางแจ้งนั้น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีโหมดให้เลือกใช้งานถึง 3 แบบ คือ ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า, อัตโนมัติ โฟร์วีลดไรฟ และแบ่งแรงบิดหน้า/หลัง 50/50 แบบถาวร
เครื่องยนต์มีให้เลือกถึง 3 แบบ คือ เบนซิน 1.5 ลิตร 96 แรงม้า, 1.6 ลิตร 106 แรงม้า และเทอร์โบดีเซล 118 แรงม้า เป้าหมายการผลิตอยู่ที่ 60,000 คัน/ปี โดยใช้โรงงานของ ซูซูกิ ในประเทศฮังการี เป็นฐานการผลิต
เฟียต
เตรียมขาย เซดิซี
ชื่อรุ่น เซดิซี (SEDICI) ในภาษาอิตาเลียน หมายถึงเลข 16 อย่างที่บอกไปแล้วว่า เฟียต เซดิซี เป็นแฝดคนละฝากับ ซูซูกิ เอสเอกซ์ 4 ทำให้มองดูเผินๆ แทบจะแยกรุ่นกันไม่ออก เฟียต ส่งรถรุ่นนี้เพื่อประกบกับคู่แข่งสำคัญคือ เกีย สปอร์เทจ และฮันเด ทัคซัน
รถครอสส์โอเวอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อของ เฟียต รุ่นนี้เป็นการผสมผสานความเป็นรถคอมแพคท์ และแฮทช์แบค ไว้ในคันเดียวกัน
สำหรับขุมกำลังมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร 107 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเครื่องยนต์ เทอร์โบดีเซล มัลทิเจท 1.9 ลิตร 120 แรงม้า ที่มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นแบบควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ที่ใช้เซนเซอร์ เอบีเอส ในการตรวจจับการลื่นไถลของล้อ และส่งถ่ายแรงบิดส่วนหนึ่งไปยังล้อหลัง เมื่ออยู่ในโหมดอัตโนมัติ หากต้องการความประหยัดก็เลือกขับเพียง 2 ล้อ แต่หากต้องการใช้งานบนทางวิบาก สามารถเลือกขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่แบ่งแรงบิดหน้า/หลัง 50/50 ถาวรได้
ฮันเด
แนะนำ ซันตา เฟ รุ่นใหม่
ไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่า นี่คือ ฮันเด ซันตา เฟ (SANTA FE) ใหม่ เพราะดูไปแล้ว ไม่ค่อยจะมีอะไรแตกต่างจาก ซันตา เฟ รุ่นเก่าสักเท่าใด แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว ขนาดของตัวถังรถมีความยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อน ซึ่งมีผลทำให้ภายในตัวรถ ซันตา เฟ ใหม่ สามารถจุที่นั่งได้มากถึง 7 ที่นั่ง และหากเบาะนั่งแถวหลังสุดไม่ได้ใช้งาน ถูกพับเก็บแบนราบไปกับพื้นรถแล้ว
จะทำให้มีเนื้อที่ในการบรรทุกสัมภาระเพิ่มขึ้น
ขุมกำลังที่วางในรถรุ่นนี้ เป็นเครื่องยนต์เจเนอเรชันที่ 2 คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ คอมมอนเรล EURO-4 ความจุ 2.2 ลิตรใหม่ล่าสุด ให้กำลังสูงสุด 151 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 34.9 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ส่วนเกียร์มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ หากชอบเครื่องยนต์เบนซิน ยังมีให้เลือกแบบ วี 6 สูบ 2.7 ลิตร บลอคอลูมิเนียม ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ด้วยการกดปุ่ม 4WD LOCK จะทำให้แรงบิดถูกแบ่ง 50/50 ไปยังเพลาหน้าและหลัง เพื่อใช้งานบนทางวิบาก
ซันตา เฟ ใหม่ มีการปรับปรุงในส่วนของแชสซีส์ ทำให้ฐานล้อมีความกว้าง และยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนเป็นอย่างมาก ช่วงล่างหลังเป็นแบบมัลทิลิงค์ ทำให้มีการยึดเกาะถนนดีเยี่ยม ไม่แพ้รถเก๋ง สำหรับช่วงล่างด้านหน้า ยังคงใช้แบบแมคเฟอร์สันสตรัท แต่ปรับให้มีความหนึบเพิ่มขึ้น
จานเบรคทั้งสี่ล้อ มีขนาดเท่ากันหมดคือ 16 นิ้ว ที่ทางด้านหน้ามีครีบระบายความร้อนในตัว มั่นใจด้วยระบบเอบีเอส พร้อมระบบควบคุมการทรงตัวของรถ ระบบความปลอดภัย มีถุงลมนิรภัย และพนักพิงศีรษะแบบแอคทีฟ ให้มาด้วย
เชฟโรเลต์
กัปตีวา
เชฟโรเลต์ วางแผนส่งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ 2 รุ่นใหม่ ลงแข่งในตลาดรถวิบาก รุ่นใหญ่คือ กัปตีวา (CAPTIVA) และรุ่นเล็กกว่า ที่มีความสปอร์ทมากกว่า คือรุ่น ที 2 เอกซ์ (T2X)
รุ่น กัปตีวา ถอดแบบมาจากรถแนวคิดรุ่น เอส 3 เอกซ์ (S3X) ที่โชว์ตัวไปแล้วในงานมหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว เมื่อออกขายจริงจะมีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ต่างจากเวอร์ชันของ โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ ที่มีให้เลือกแค่รุ่น 5 ที่นั่งเท่านั้น
รุ่น 5 ที่นั่งนั้น จะวางเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 150 แรงม้านั้น จะวางในรุ่น 7 ที่นั่ง ทั้ง เชฟโรเลต์ และวอกซ์ฮอลล์ จะประกอบในเกาหลี โดยใช้เทคโนโลยี แดวู ของ จีเอม
ส่วนรุ่นเล็ก ที 2 เอกซ์ จะใช้โครงสร้างเดียวกับรุ่น แคพทิวา แต่ด้านหน้าจะสั้นท้ายจะยื่น เพื่อให้ดูมีความเป็นสปอร์ท ตำแหน่งที่นั่งถูกกดให้ต่ำลง เพื่อให้เส้นสายแนวหลังคาถูกกดให้ต่ำลงด้วย
โตโยตา
ออกรถใหม่ "รัฟโฟร์"
ผู้บริหารของค่าย โตโยตา ถือโอกาสใช้งาน SEMA (SPECIALTY EQUIPMENT MARKET ASSOCIATION) ในเมืองลาสเวกัส ทำการเปิดตัวรถใหม่ รัฟโฟร์ รุ่นฐานล้อยาว ภายในจุที่นั่งมากถึง 7 ที่นั่ง เน้นตลาดหลักในยุโรป
ด้วยความยาวฐานล้อที่ขยายให้ยาวขึ้นจากเดิมอีก 100 มม. ทำให้มีเนื้อที่พอที่จะนำที่นั่งแถวที่สาม ใส่เข้าไปได้อีก ซึ่งเบาะนั่งแถวที่สามนี้ หากไม่ได้ใช้งานสามารถพับเก็บราบลงกับพื้นรถได้
เครื่องยนต์ที่วางใน รัฟโฟร์ มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร 166 แรงม้า และวี 6 สูบ 3.5 ลิตร 269 แรงม้า เครื่องยนต์ทั้งสองขนาดนั้น เป็นเครื่องยนต์แบบ VVT-I ส่วนเกียร์มีให้เลือกแค่เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
มิตซูบิชิ
เรเดอร์ พิคอัพน้องใหม่
รถพิคอัพขนาดกลาง ตีตรานำเข้าในชื่อรุ่นว่า เรเดอร์ (RAIDER) จากค่าย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฯ สร้างความฮือฮาไม่ใช่น้อย หลังจากที่เปิดตัว ทไรทัน (TRITON) ลงแข่งในตลาดรถพิคอัพขนาด 1 ตันไปแล้ว
สำหรับรถรุ่น เรเดอร์ มีจุดเด่นด้านตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ ทั้งๆ ที่พิกัดของตัวรถนั้น จัดอยู่ในรถพิคอัพระดับกลาง จุดเด่นต่อมาเป็นเรื่องของความเงียบ ที่วิศวกรของ มิตซูบิชิ คุยว่าความเงียบภายในห้องโดยสารนั้น ไม่แพ้รถลักชัวรี ทั้งนี้เป็นผลมาจากการออกแบบเฟรม แบบฟูลล์บอกซ์ สตีล ที่เน้นความแข็งแกร่งทนทาน มีส่วนสำคัญทำให้ภายในห้องโดยสารมีความเงียบไร้เสียงรบกวน
ขุมกำลังมีทั้งเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ 210 แรงม้า และวี 8 สูบ ในรุ่นวี 8 สูบ 4.7 ลิตร มีแรงบิดสูงสุดถึง 40.0 กก.-ม. ซึ่งมากพอที่จะลากรถพ่วงที่หนักมากถึง 6,500 ปอนด์ได้ ส่วนเกียร์มีให้เลือกทั้งเกียร์ GETRAC ซึ่งเป็นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ในรุ่น ดูโรครอสส์ (DUROCROSS) มีโหมดให้เลือกขับทั้งแบบ 2 ล้อหลัง หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ พาร์ทไทม์ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ ทั้งนี้ผู้ขับสามารถเลือกโหมดของการขับได้ตามรูปแบบการใช้งาน
โฮลเดน
เตรียมแผนออกรถใหม่ รุ่น เอส 3 เอกซ์
โฮลเดน นำเสนอรถแนวคิด เอส 3 เอกซ์ (S3X) ในรูปแบบของรถแวกอน ขนาด 7 ที่นั่ง ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบออลล์วีลดไรฟ ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นคู่ต่อสู้กับ ฟอร์ด เทอร์ริทอรี (FORD TERRITORY)
รถแนวคิด เอส 3 เอกซ์ เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ปารีส 2004 ที่ผ่านมา โดยใช้ตรา เชฟโรเลต์ แต่เมื่อนำมาแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กลับติดตราของ โฮลเดน
แม้จะเป็นรถขนาด 7 ที่นั่ง แต่ช่วงล่างของรถ ส่งผลให้ฟิลลิงในการบังคับควบคุมรถกลับดูเป็นสปอร์ท ตามแบบฉบับของ โฮลเดน
มิติของรถ เมื่อเปรียบเทียบกับ ฟอร์ด เทอร์ริทอรี จะเล็กกว่าในทุกด้าน สำหรับรถที่ผลิตออกจำหน่าย คงจะไม่ค่อยแตกต่างจากรถแนวคิดที่โชว์ตัวมากนัก
วิศวกรของ โฮลเดน ทำงานร่วมกับวิศวกรของ แดวู ซึ่งอยู่ในเครือ จีเอม เช่นเดียวกัน เพื่อพัฒนารถรุ่นนี้ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในออสเตรเลีย
นิสสัน
พร้อมเปิดไลน์การผลิต เนวาดา ดับเบิลแคบ
ผู้บริหารของค่าย นิสสัน เปิดตัวรุ่นใหญ่ เนวาดา D40 รุ่นใหม่ ถอดด้ามในงานมหกรรมยานยนต์ออสเตรเลีย โครงสร้างหลักใหญ่ๆ ยังเป็นรุ่น เนวาดา เอสที-อาร์ โฉมปัจจุบัน
แผนการที่ นิสสัน วางไว้ตอนแรก สำหรับรถรุ่น D40 จะใช้ฐานการประกอบที่ประเทศสเปน โดยทำการผลิตควบคู่กับรุ่น D22 ที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับรุ่น D40 ดับเบิลแคบ จะวางเครื่องยนต์ เบนซิน วี 6 สูบ 4.0 ลิตร DOHC กำลังสูงสุด 270 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 39.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ คอมมอนเรล 2.5 ลิตร 174 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 41.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. สำหรับเกียร์มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ
ในส่วนของการขาย D40 จะขายคู่กับ D22 เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ไม่แน่เหมือนกันว่า หากโรงงานที่สเปน ไม่พร้อมสำหรับการประกอบรุ่น D40 นี้ ผู้บริหารของค่าย นิสสัน อาจจะเลือกใช้ฐานการประกอบในประเทศไทย แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ อาจต้องรอไปอีก 1 ปี เพื่อเคลียร์ไลน์การผลิตก่อน
ดอดจ์
เปิดตัว ไนทโร พร้อมจำหน่ายในเมืองลุงแซม
รถแนวคิด ไนทโร (NITRO) จากค่าย ดอดจ์ เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ชิคาโก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว และเมื่อมาถึงปีนี้ จะมีการผลิตออกมาขายในสหรัฐอเมริกา ประมาณปลายปี
ดอดจ์ ไนทโร เป็นรถแวกอนขนาดกลาง จุผู้โดยสารมากถึง 5 ที่นั่ง ขุมกำลังมีให้เลือกตั้งแต่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ วี 6 สูบ 3.0 ลิตร และเครื่องยนต์ HEMI วี 8 สูบ 5.7 ลิตร ตัวเดียวกับที่วางใน จีพ แกรนด์ เชอโรคี ใหม่
โตโยตา
ทุ่มงบ ซื้อหุ้น ซูบารุ
โตโยตา มอเตอร์ส ฯ ประกาศจะซื้อหุ้นของ ฟูจิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ ฯ ผู้ผลิตรถ ซูบารุ จาก จีเอม หลังจากที่ จีเอมเข้ามาถือหุ้นในกิจการ ซูบารุ ตั้งแต่ปี 1999 ด้วยสัดส่วนหุ้น 20.9 % ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ ซูบารุ
ตามติดมาด้วย 8.7 % ของหุ้นทั้งหมด ทาง โตโยตา เป็นผู้ถือหุ้นไว้ โดย จีเอม จะขายส่วนที่เหลืออีก 11.4 % ที่เหลือให้กับ โตโยตา
เหตุผลที่ จีเอม ขายหุ้นทิ้ง ดูเหมือนจะเป็นบทสิ้นสุดของความเป็นพันธมิตรระหว่าง ซูบารุ กับ ซาบ ของ จีเอม จากการซื้อหุ้นไป โดย โตโยตา จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งกับ โตโยตา และซูบารุ ในเรื่องของระบบออลล์วีลดไรฟนั้น ซูบารุ มีความชำนาญมากๆ หาก โตโยตา เข้าไปถือหุ้นจะทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น ที่สำคัญ ซูบารุ และโตโยตา เองก็มีตลาดในส่วนของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ค่อนข้างจะกว้างมาก หากสองค่ายนี้จับมือผสานกันแล้ว คู่แข่งอีกหลายค่ายคงจะหนาวไม่น้อย
ซูซูกิ
ไมเนอร์เชนจ์ จิมนี ใหม่
ซูซูกิ จัดการไมเนอร์เชนจ์ รถรุ่น จิมนี (JIMNY) โดยออกแบบกันชนหน้าใหม่ พ่นสีกระจกมองข้างให้เป็นสีเดียวกับตัวรถ และเพิ่มกระจกมองข้างทางด้านฝั่งผู้โดยสาร การรับประกัน ซูซูกิ ใจใหญ่กล้ารับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม. และให้การบริการช่วยเหลือยามคับขัน 24 ชม. ตลอดระยะเวลา 3 ปี
ซีตรอง
จับมือ มิตซูบิชิ พัฒนารถ 4x4 รุ่นแรกของจ่าโท
ซีตรอง ร่วมมือกับค่าย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฯ ในการพัฒนารถรุ่น เซ แซต (C7) ให้เป็นรถวิบากรุ่นแรกของ ซีตรอง โครงสร้างหลักจะดูละม้ายคล้ายกับ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ ขุมกำลังที่วางจะมีเครื่องยนต์ของ ซีตรอง เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เอชดีไอ ความจุ 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 133 แรงม้า หรืออาจจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร ของ มิตซูบิชิ
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13475