ในตลาดรถครอสส์โอเวอร์ ระดับคอมแพคท์ของตลาดอเมริกาเหนือ ไครสเลอร์ พีที ครูเซอร์ (CHRYSLER PT CRUISER) เป็นดาวค้างฟ้ามานาน จนกระทั่งค่าย เชฟโรเลต์ ได้ทำการปล่อยตัวคอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ ตัวเด็ดออกมา แม้จะมาช้าไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มา

ในตลาดรถครอสส์โอเวอร์ ระดับคอมแพคท์ของตลาดอเมริกาเหนือ ไครสเลอร์ พีที ครูเซอร์ (CHRYSLER PT CRUISER) เป็นดาวค้างฟ้ามานาน จนกระทั่งค่าย เชฟโรเลต์ ได้ทำการปล่อยตัวคอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ ตัวเด็ดออกมา แม้จะมาช้าไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มา แนวคิดของคอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ ทั้งสองคือ การใช้พื้นที่ภายในที่กว้างขวางให้มีประโยชน์สูงสุด การตอบสนองการขับขี่ที่สนุกสนาน ภายใต้รูปทรงย้อนยุค จากความสำเร็จของ ไครสเลอร์ พีที ครูเซอร์ ด้วยรูปทรงย้อนยุค และการใช้งานพื้นฐานได้อย่างเพียงพอ ทำให้ค่าย จีเอม หันมาใช้สูตรสำเร็จเดียวกัน และถือว่าเป็นสูตรสำเร็จรูป ด้วยการใช้ดีไซเนอร์คนเดียวกัน ที่ทำหน้าที่ออกแบบ ไครสเลอร์ พีที ครูเซอร์ ให้มาออกแบบ เชฟโรเลต์ เอชเอชอาร์ (CHEVROLET HHR) เข้าตำราที่ว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่งซะเลย เอชเอชอาร์ ใช้รูปแบบของรถหลังคาสูงย้อนยุค เลียนแบบ เชฟโรเลต์ ซับเออร์เบิน (SUBURBAN) (1949) และรถร่วมสมัย เอสเอสอาร์ โรดสเตอร์ (SSR ROADSTER) โดยใช้พแลทฟอร์มเดลทา ซึ่งเป็นพแลทฟอร์มเดียวกับที่ใช้ใน เชฟโรเลต์ โคบอลท์ (COBALT) ในรุ่นซีดาน และคูเป เชฟโรเลต์ เอชเอชอาร์ มีรูปทรงย้อนยุคพร้อมกับประโยชน์ใช้สอยอย่างเพียบพร้อม นอกจาก เอชเอชอาร์ จะเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดจาก พีที ครูเซอร์ แล้ว ยังมีเป้าหมายในการเจาะตลาดรถคอมแพคท์ครอสส์โอเวอร์ด้วย ซึ่งจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น หลังจากวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันที่มีผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ทั่วโลก จากการใช้พแลทฟอร์มเดลทา ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้หลากรูปแบบ ยังให้ความสะดวกสบายกับผู้โดยสารเทียบเท่ารถนั่งทั่วไป ทั้งการเก็บเสียง ความกว้างขวาง การจัดวางเบาะที่นั่ง รวมไปถึงความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว ทำให้ พีที ครูเซอร์ ดูด้อยลงไป ไม่ว่าจะเป็นการจัดตำแหน่งของพวงมาลัย เบาะนั่งที่แทบไม่มีซัพพอร์ทด้านข้าง แม้ว่าจะมีเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงสุดถึง 150 แรงม้า พร้อมกับระบบพวงมาลัยที่ฉับไว แต่การจัดวางที่นั่งคนขับที่ผิดปกติ จึงเป็นการทำลายความสนุกสนานในการขับขี่ให้ลดลง ภายในของทั้งสองคัน มีความใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะขนาดของห้องโดยสารที่ เอชเอชอาร์ มีความยาวรวมมากกว่า 7 นิ้ว และยาวกว่าอีก 9 นิ้ว ถ้าวัดจากแผงอุปกรณ์ถึงประตูหลัง แต่ถ้าพูดถึงความสามารถในการขนสัมภาระแล้ว ไม่ด้อยกว่ากัน ถ้าวัดด้วยการใส่บันได ขนาด 8 ฟุต ทั้งสองสามารถทำได้โดยการพับเบาะลง แม้กรรมวิธีในการพับเบาะอาจทำให้เวียนหัวบ้างก็ตาม ประสบการณ์ในการขับขี่ เอชเอชอาร์ เหนือกว่าด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่ให้จังหวะการทำงาน นุ่มนวล แม่นยำ มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ทำให้ เอชเอชอาร์ เป็นรถที่มีการตอบสนองการขับขี่สนุกสนาน และเร้าใจกว่าสมรรถนะจริงของรถ กระบวนการขับเคลื่อน มีการทำงานที่ประสานสอดคล้องอย่างลงตัว ทั้งการตอบสนองจากเครื่องยนต์ ระบบห้ามล้อที่แน่นอน มั่นใจทุกระดับความเร็ว และการบังคับทิศทางคล่องตัวฉับไว สร้างประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดในการขับขี่ แม้ในสภาพการจราจรที่แออัด ก็ยังมีที่ว่างเสมอสำหรับ เอชเอชอาร์ สมรรถนะการยึดเกาะของ เอชเอชอาร์ สามารถพิสูจน์ได้ว่า มันคือรถย้อนยุคที่หาตัวจับยาก ด้วยสมรรถนะการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า ทำให้ทัศนวิสัยโดยรอบดีกว่า โดยเฉพาะกระจกหลัง และได้ประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือกว่า จากยางไฟร์สโตน หน้ากว้างขนาด 215/50 R17 ที่ให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะที่เหนือกว่าแม้ในโค้งความเร็วสูง และถ่ายทอดความรู้สึกสู่คนขับได้อย่างแม่นยำ เส้นทางวิบาก ไม่ใช่อาณาจักรของรถทั้งสอง โดยเฉพาะ เอชเอชอาร์ ในสภาพถนนขรุขระที่ระบบรองรับไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดีพอ แต่เมื่อขึ้นมาบนไฮเวย์ จะได้รับความสะดวกสบายที่สูงกว่า แม้จะให้ความรู้สึกที่กระด้างกว่ารถทั่วไป โดยเฉพาะ พีที ครูเซอร์ ที่มีการดูดซับแรงกระแทกที่เหนือกว่า แต่สำหรับการเก็บเสียงลมในระดับความเร็วต่างๆ ทั้งสองยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ยังอยู่ในระดับที่รับได้ ทั้งสองคันจัดว่าเป็นรถที่มีการตอบสนองการใช้งานที่ครบครัน มีการตอบสนองการขับขี่ที่ดี หากจะต้องให้เลือกสักคัน คงตัดสินใจลำบาก จะมีแค่ความแตกต่างที่รูปทรง ที่ เอชเอชอาร์ ดูดุดัน และก้าวร้าวกว่า ขณะที่ พีที ครูเซอร์ มีรูปทรงที่นุ่มนวลกว่า