ทั่วไป
โลบ์ คว้าแชมพ์ 2 สนามรวด ! การแข่งขัน WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2005 เดินทางมาถึงสนามที่ 14 คราวนี้ยกพลมาแข่งกันที่ประเทศฝรั่งเศส การชิงชัยแบ่งออกเป็น 3 เลก 12 สเตจ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 397.4 กิโลเมตร ซึ่งผู้ชนะในสนามนี้เมื่อปีที่แล้วได้แก่ มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) จากทีม ฟอร์ด ที่ตัดสินใจออกจากการแข่งขันในปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง ในระหว่างการแข่งขันที่เกรท บริเทน จนทำให้ผู้นำทาง ไมเคิล พาร์ค (MICHAEL PARK) เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
การแข่งขัน WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2005 เดินทางมาถึงสนามที่ 14 คราวนี้ยกพลมาแข่งกันที่ประเทศฝรั่งเศส การชิงชัยแบ่งออกเป็น 3 เลก 12 สเตจ ระยะทางรวมทั้งสิ้น 397.4 กิโลเมตร ซึ่งผู้ชนะในสนามนี้เมื่อปีที่แล้วได้แก่ มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) จากทีม ฟอร์ด ที่ตัดสินใจออกจากการแข่งขันในปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุรุนแรง ในระหว่างการแข่งขันที่เกรท บริเทน จนทำให้ผู้นำทาง ไมเคิล พาร์ค (MICHAEL PARK) เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
เลกแรกเริ่มต้นขึ้นเช้าตรู่ของวันที่ 21 ตุลาคม เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) ว่าที่แชมพ์โลก 2 สมัยซ้อน ออกตัวขึ้นเป็นผู้นำได้ก่อนในสเตจแรก โดยมี มาร์คุส โกร์นโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) ทีม เปอโฌต์ และโทนี การ์เดไมสเตอร์ (TONI GARDEMEISTER) จากทีม ฟอร์ด ทำเวลาตามหลัง 13.1 และ 15.4 วินาที ตามลำดับ
จบการแข่งขันในสเตจที่ 4 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้ายของเลกแรก ยังคงเป็น โลบ์ ที่ทำเวลาเป็นผู้นำด้วยเวลารวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 7 นาที 20.7 วินาที
ขณะที่อันดับ 2 ตกเป็นของ ฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVAL) ที่เพิ่งจะทำเวลาแซงหน้า การ์เดไมสเตอร์ จากทีม ฟอร์ด ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 หมาดๆ ก็ได้รับส้มหล่นอีกชั้นจากการที่รถ เปอโฌต์ 307 ของ โกรนโฮล์ม มีปัญหาจากระบบส่งกำลัง ทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน สร้างความผิดหวังให้กับแฟน เปอโฌต์ เนื่องจากโอกาสที่จะลุ้นแชมพ์โลกประเภททีมผู้ผลิตจะยิ่งริบหรี่ลงทุกขณะ
"ปัญหาเกิดจากระบบดับเบิลคลัทช์ ที่เราเพิ่งจะติดตั้งให้กับรถที่สนามนี้เป็นครั้งแรก โดยเราหวังว่ามันจะช่วยทำให้เราเร็วขึ้นได้มากกว่า 20 วินาที แต่แล้วมันกลับสร้างปัญหาขึ้นเสียเอง คราวหน้าเราคงต้องทดสอบมากกว่านี้" ผู้จัดการทีม เปอโฌต์ กล่าวอย่างหัวเสีย
เลก 2 แข่งกันต่อในระยะทางอีกกว่า 190 กิโลเมตร โลบ์ ยังคงโชว์ฟอร์มร้อนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำเวลาได้ดีที่สุด 4 สเตจรวด ด้านเพื่อนร่วมทีม ดือวาล ที่แม้ว่าจะเพิ่งขึ้นมารับอันดับ 2 ได้เพียงสเตจเดียวเท่านั้น ในสเตจที่ 6 ก็มีอันต้องตกลงไปอยู่อันดับ 5 อีกครั้ง หลังจากเสียเวลาไปเกือบนาที เนื่องจากระบบเบรคมีปัญหา ทำให้ตอนนี้กลายเป็น การ์เดไมสเตอร์ ที่อาศัยจังหวะนี้ทำเวลาตีตื้นขึ้นมาจนทำเวลาช้ากว่า โลบ์ เพียงแค่ 3.6 วินาทีเท่านั้น
จบการแข่งขันในเลกที่ 2 โลบ์ ยังคงมีเวลารวมเป็นผู้นำ โดยมี การ์เดไมสเตอร์ ตามมาเป็นอันดับ 2 ส่วน เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) จากทีม ซูบารุ ยังเร่งไม่ขึ้น รั้งอันดับ 3 ต่อไป
เลกที่สามซึ่งเป็นเลกสุดท้ายของการแข่งขัน แม้ การ์เดไมสเตอร์ จะพยายามไล่บี้ขึ้นมา แต่ความพยายามของเขาก็ดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อโลบ์ โชว์ลีลาเหนือชั้นทะยานรถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลารวม 3 ชั่วโมง 28 นาที 47.1 วินาที คว้าแชมพ์ในบ้านเกิดตัวเองได้สำเร็จ ส่วนอันดับ 2 เป็นของ การ์เดไมสเตอร์ ตามคาด ทำเวลาตามหลังเพื่อนร่วมทีม 1 นาที 58.5 วินาที อันดับ 3 เป็นของ โซลเบร์ก ทำเวลารวม 3 ชั่วโมง 31 นาที 28.9 วินาที
จากผลการแข่งขันในครั้งนี้ส่งผลให้ เซบัสเตียง โลบ์ มีคะแนนสะสมรวมประเภทผู้ขับขี่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างขาดลอย โดยมีถึง 117 แต้ม ขณะที่อันดับ 2 มาร์คุส โกร์นโฮล์ม เพิ่งจะมีเพียง 71 แต้ม เท่ากับ เพทเทร์ โซลเบร์ก ที่อยู่ในอันดับ 3 เท่านั้น ส่วนประเภททีมผู้ผลิต ก็ยังคงเป็นทีม ซีตรอง ที่รั้งอันดับ 1 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยมี 160 คะแนน อันดับ 2 ได้แก่ ทีมสัญชาติเดียวกัน เปอโฌต์ มี 130 แต้ม และอันดับ 3 เป็นของทีม ฟอร์ด มี 93 คะแนน
WORLD RALLY CHAMPIONSHIP 2005 สนาม 13
มาถึงคิวของประเทศสเปน ในรายการ CATALUNYA RALLY หนึ่งในไม่กี่รายการของปีที่แข่งกันบนถนนราดยางตลอดทั้งเส้น ที่ทีมแข่งต่างให้ความสำคัญ และมีแฟนๆ แรลลีจับตามองมากที่สุดสนามหนึ่งของการแข่งขันแรลลีโลก ด้วยความที่สนามนี้เป็นสนามรองสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล และคะแนนสะสมรวมของทีมผู้ผลิตก็ยังไม่ทิ้งห่างกันแบบขาดลอย
การแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็น 15 สเตจ ซึ่งในวันแข่งขันมีฝนตกลงมาเป็นระยะๆ ทำให้ทางลื่นพร้อมกับน้ำขังเป็นแอ่งๆ ซึ่งทั้งนักขับและทีมเซอร์วิศต้องปรับตัวกันให้ทันถ้าหวังจะเข้าเส้นชัยแบบมีอันดับติดมือกลับบ้าน
เลกแรกออกสตาร์ทด้วยการขึ้นนำของ เซบัสเตียง โลบ์ ไปจนจบเลกแรก โดยว่าที่แชมพ์โลก 2 สมัยซ้อนชาวฝรั่งเศส แม้จะพลาดทำรถหมุนที่ความเร็วกว่า 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ก็ยังแก้สถานการณ์ และโชว์ลีลาการขับที่ยอดเยี่ยม ควบรถ ซีตรอง ทำเวลาดีที่สุดได้มากถึง 5 ใน 6 สเตจ "ผมขับมาเร็วมาก ล้อหน้าขวาของผมเหยียบไปบนหญ้าที่เปียกและลื่น ทำให้รถเสียหลักและหมุนอยู่หลายตลบ โชคยังดีที่ไม่ตกลงไปตรงเหวข้างทาง นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้" โลบ์ กล่าวที่จุดเซอร์วิศ
ส่วนเพื่อนร่วมทีมอย่าง ฟรองซัวส์ ดือวาล ที่มีคะแนนสะสมประเภทผู้ขับขี่อยู่ในอันดับ 6 ของตาราง ทำเวลามาเป็นอันดับ 2 ตามหลังผู้นำอยู่ 53.3 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็น มาร์คุส โกรนโฮล์ม หนึ่งเดียวของทีม เปอโฌต์ ที่ติดอันดับในกลุ่มผู้นำ ทำเวลาตามหลังผู้นำอยู่ 1 นาที 11.7 วินาที
ด้านทีม ซูบารุ ที่คาดหวังชัยชนะในสนามนี้ เพื่อกู้ศักดิ์ศรีอดีตทีมแชมพ์โลก ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อ เพทเทร์ โซลเบร์ก นักขับมือหนึ่งของทีม เกิดพลาดท่าทำรถหลุดโค้งในช่วงท้ายของสเตจที่ 3 ขณะทำเวลารวมอยู่ในอันดับ 3 ช่วงท้ายรถพังยับ ต้องออกจากการแข่งขันอย่างกะทันหัน นอกจากนี้ในช่วงท้ายของเลกแรก รถ อิมพเรซา ที่ขับโดย ชเตฟาเน ซาร์ราซิน (STEPHANE SARRAZIN) เกิดไฟไหม้ เมื่อรถไปกระแทกกับขอบข้างทาง ทำให้ไม่สามารถกลับมาสตาร์ทในเลกที่ 2 ได้
สเตจที่ 7 ซึ่งเป็นสเตจแรกของเลกที่สอง ต้องถูกยกเลิกอย่างกะทันหัน เมื่อมีผู้ชมมากเกินไป จนไปกีดขวางเส้นทางการแข่งขัน การแข่งดำเนินมาจนจบเลกที่ 2 ยังคงเป็น โลบ์ ที่ทำเวลาเป็นผู้นำมาโดยตลอด โดยทำเวลาได้ดีที่สุดถึง 3 ใน 5 สเตจคือ ในสเตจที่ 9-11 ทำเวลารวมได้ทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 49 นาที 17.5 วินาที ขณะที่รถ เปอโฌต์ ของ โกรนโฮล์ม ที่ทำเวลารวมอยู่ในอันดับ 2 เกิดปัญหาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจบการแข่งขันในสเตจสุดท้ายของเลกสองเพียงนิดเดียว เมื่อจู่ๆ หม้อน้ำเกิดรั่ว ทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ขึ้นสูงทันที แม้ว่าเขาจะขับแบบประคอง แต่ก็ไม่สามารถมาถึงจุดเซอร์วิศได้ ต้องออกจากการแข่งขันไปอีกราย และนับเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่ต้องออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค
ส่งผลให้อันดับบนโพเดียมตอนนี้ล้วนเป็นทีมจาก ซีตรอง ทั้งหมด เมื่อ ดือวาล ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ทำเวลาตามหลังผู้นำ 57.8 วินาที และอันดับ 3 เป็นของ ซาวิเอร์ พอนส์ (XAVIER PONS) นักขับน้องใหม่ ที่เพิ่งจะได้รับการเลื่อนชั้นและบรรจุอยู่ในทีม ซีตรอง เป็นปีแรก
เลก 3 ซึ่งเป็นเลกสุดท้าย สภาพทางยังคงชื้นตลอดเส้นทาง โลบ์ ที่ออกสตาร์ทจากอันดับแรก อาศัยรถที่ทีมเซอร์วิศเซทมาลงตัวสำหรับทางราดยางโดยเฉพาะ ยังคงทำเวลาทิ้งคนอื่นๆ ไปไกล ขณะที่อันดับ 3 และ 4 เป็นอันดับที่ถูกแฟนๆ จับตามองมากที่สุด เนื่องจากเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง พอนส์ ทีม ซีตรอง และมิคโค ฮีร์โวเนน (MIKKO HIRVONEN) จากทีม ฟอร์ด เพื่อแย่งชิงตำแหน่งแท่นโพเดียม ที่เหลืออยู่ที่เดียวเท่านั้น โดยอาศัยจังหวะที่มาพร้อมดวงทำเวลาไล่ทันและแซงขึ้นหน้า พอนส์ ได้สำเร็จอย่างฉิวเฉียว สามารถทำเวลาดีที่สุดในสเตจที่ 12 และ 15 แซงหน้า รับอันดับ 3 ไปครอง
กระทั่งในสเตจสุดท้าย โลบ์ เข้าเส้นชัยทำเวลารวมเป็นอันดับ 1 ตามคาด ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 31 นาที 7 วินาที โดยมี ดือวาล เพื่อนรวมทีม ตามหลังมา 1 นาที 21.9 วินาที ส่วนที่สามได้แก่ ฮีร์โวเนน ในรถ ฟอร์ด โฟคัส ทำเวลาตามหลังผู้นำ 2 นาที 46.7 วินาที
จากการที่ทีม ซีตรอง คว้าตำแหน่งแชมพ์ และรองแชมพ์ ในสนามนี้ได้สำเร็จ ทำให้ความหวังที่จะคว้าแชมพ์โลก ทั้งประเภททีมผู้ผลิตและผู้ขับ เกือบจะเต็มร้อยเปอร์เซนต์แล้ว เพราะนอกจาก เซบัสเตียง โลบ์ นักขับมือหนึ่งของทีม จะทำคะแนนรวมประเภทผู้ขับทิ้งคู่แข่งไปไกล โดยมีทั้งสิ้น 127 คะแนน ขณะที่อันดับ 2 คือ มาร์คุส โกร์นโฮล์ม เพิ่งจะมีเพียง 71 คะแนนเท่านั้น คะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิตยังทิ้งห่างทีมคู่ปรับอย่าง เปอโฌต์ ที่เพิ่งมีคะแนนรวม 135 คะแนน ถึง 43 แต้ม ขณะที่ทีม ซูบารุ ดูเหมือนจะหมดหวังไปแล้ว เนื่องจากมีคะแนนสะสมเพียง 91 คะแนนเท่านั้น
สรุปผลคะแนนการแข่งขันรวม 15 สนาม ประเภทผู้ขับ
อันดับ ผู้ขับ คะแนนรวม
ชนะเลิศ เซบัสเตียง โลบ์ 127
รองอันดับ 1 มาร์คุส โกร์นโฮล์ม 71
รองอันดับ 2 เพทเทร์ โซลเบร์ก 71
สรุปผลคะแนนการแข่งขันรวม 15 สนาม ประเภททีมผู้ผลิต
อันดับ ทีม คะแนนรวม
ชนะเลิศ ซีตรอง 178
รองอันดับ 1 เปอโฌต์ 135
รองอันดับ 2 ฟอร์ด 100
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มกราคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13433