เทคนิค
ฉบับแรกจาก มงคล/กทม. ข้องใจเกี่ยวกับเรื่องกระจกหน้า
กระจกหน้า
ฉบับแรกจาก มงคล/กทม. ข้องใจเกี่ยวกับเรื่องกระจกหน้า
ถาม : ผมใช้รถกระบะ โตโยตา ไม่แน่ใจว่ากระจกหน้ารถผมเป็นกระจกแบบใด เมื่อแตกแล้วจะเป็นคล้ายเม็ดข้าวโพดหรือไม่ อยากได้กระจกแบบที่แตกแล้วยังสามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ โดยไม่แตกเป็นเม็ดข้าวโพด เปลี่ยนได้ที่ไหนบ้างครับ ?
ตอบ : กระจกหน้าของรถคุณมงคล น่าจะเป็นแบบเทมเพอร์ กลาสส์ (TEMPER GLASS) เป็นกระจกที่ผลิตขึ้นมาเพื่อให้เนื้อกระจกมีค่าความเครียดสูง เมื่อมีของแข็งมากระทบด้วยความแรงมากพอ เนื้อกระจกจะแตกตัวเป็นเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดข้าวโพด โดยที่เศษกระจกเม็ดข้าวโพดเล็กๆ จะไม่ทำอันตรายต่อผู้ขับและผู้โดยสาร แต่อย่างใด แต่ทัศนวิสัยในการมองของคนขับหลังจากที่กระจกแตกจะเสียไปโดยทันที ต้องควบคุมสติให้ดีและบังคับรถให้เข้าจอดในที่ปลอดภัย
สำหรับกระจกอีกแบบที่มีราคาแพงมากกว่ากระจกแบบเทมเพอร์ นั่นคือ กระจกแบบลามิเนท (LAMINATED GLASS) กระจกแบบนี้เป็นกระจกสองชั้นที่มีแผ่นฟีล์มใสบางๆ คั่นตรงกลาง และทำหน้าที่ประสานกระจกทั้งสองชั้นให้เป็นเนื้อเดียวกัน กระจกแบบนี้แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่ากระจกแบบเทมเพอร์ แต่เมื่อมีของแข็งมากระแทกด้วยความแรง ชั้นของกระจกฝั่งที่ถูกของแข็งกระแทกจะเกิดการแตกร้าวเพียงด้านเดียว โดยที่อีกด้านที่อยู่ตรงข้ามยังคงสภาพปกติ บริเวณที่ถูกของแข็งกระแทกจะมีเพียงรอยแตกร้าววิ่งเป็นแนวเส้นไม่แตกเป็นเกล็ดๆ เหมือนเม็ดข้าวโพดในกระจกแบบเทมเพอร์ กระจกแบบลามิเนท นี้เมื่อมีรอยตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นรอยหลุมเล็กๆ รอยร้าวที่ไม่ใหญ่มาก หรือแม้แต่รอยของผิวกระจกกระเทาะ เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถซ่อมให้กระจกที่เป็นรอยตำหนิกลับมาเหมือนเดิมได้ โดยอาศัยน้ำยาซ่อมผิวกระจกและแสงเลเซอร์ ในการเร่งปฏิกิริยาของน้ำยา แต่ถึงแม้จะเป็นรอยร้าวที่ไม่สามารถซ่อมได้ แต่รอยร้าวนั้นก็เกิดแต่เพียงชั้นของกระจกด้านนอกเท่านั้น ชั้นของกระจกด้านในที่ไม่แตกก็ยังคงความแข็งแรงอยู่ ยังสามารถใช้งานต่อไปได้โดยไม่เกิดอันตราย แม้ว่าจะดูไม่สวยงามนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนกระจกบานใหม่
การเปลี่ยนกระจกแบบเทมเพอร์มาเป็นแบบลามิเนท ต้องปรึกษาทางศูนย์บริการ โตโยตา ดูว่ามีกระจกลามิเนท สำหรับรถรุ่นที่คุณใช้หรือไม่ ถ้ามีก็ไม่มีปัญหาอะไรสามารถเปลี่ยนได้เลย
ขึ้น/ลงทางชัน
ฉบับที่สองจาก พายัพ/จ. สระบุรี สงสัยเรื่องเทคนิคการขับรถ
ถาม : ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อมาก่อน ตอนนี้ผมซื้อรถ โตโยตา 4WD มาใช้งาน อยากรู้ว่า ทางชันแบบใดที่รถเราจะสามารถขับขึ้นและลงได้อย่างปลอดภัย โดยที่ไม่ทำให้ตัวรถเสียหาย ?
ตอบ : ไม่ใช่ว่าพอเห็นทางข้างหน้าเป็นทางชันจะขับตะบี้ตะบันผ่านเข้าไปให้ได้ ถึงแม้ว่ารถคุณจะเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ด้วยปัจจัยรอบข้างมากมายที่ไม่เอื้ออำนวยให้คุณขับผ่านไปได้ รถของคุณก็อาจจะไม่สามารถขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
แล้วมีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณาก่อนจะตัดสินใจขับขึ้นไป ก่อนอื่นคุณต้องจอดรถดับเครื่องยนต์และลงมาเดินเท้าสำรวจด้วยตัวเองก่อนว่า ทางที่จะขับขึ้นไปนั้น สภาพทางเป็นอย่างไร ? เป็นทางกรวดร่วนๆ หรือเป็นทางกรวดบางช่วง ตลอดเส้นทางมีหลุมบ่อขนาดใหญ่ซ่อนอยู่หรือไม่ สภาพเส้นทางที่ขับขึ้นไปมีช่วงทางที่เป็นทางคดเคี้ยวหรือไม่ เพราะการขับขึ้นทางลาดชันต้องอาศัยแรงบิดในการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทางต้องไม่มีการเปลี่ยนเกียร์หรือเหยียบคลัทช์ หากมีต้องเบารอบเครื่องเพื่อบังคับรถเลี้ยวโค้งไปตามทาง อาจทำให้รถสูญเสียกำลังในขณะที่กำลังขับขึ้นทางชัน เช่นเดียวกับทางลงก็ต้องมีการเดินสำรวจทางด้วยเช่นกัน สภาพเส้นทางหากมีความชันมากถึงขนาดที่คุณเดินสำรวจด้วยเท้าแล้วพื้นใต้รองเท้าคุณยังไม่สามารถยึดเกาะพื้นได้ เพราะด้วยความลื่นของทางที่เต็มไปด้วยกรวด ก็ไม่ควรจะนำรถวิ่งผ่านไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น
นอกจากนี้ การเลือกใช้เกียร์ก็มีความสำคัญ ในการขับขึ้นนั้น ควรใช้อัตราทดเกียร์ในช่วงเกียร์โลว์ โดยออกตัวที่เกียร์ 1 ก่อนแล้วจึงเปลี่ยนเกียร์ 2 ทันทีเมื่อได้รอบ แล้ววิ่งขึ้นทางชันตลอดเส้นทางด้วยเกียร์ 2 ตลอดโดยไม่มีการเบารอบเครื่องหรือเหยียบคลัทช์ เพื่อเปลี่ยนเกียร์ เพราะจะทำให้รถสูญเสียกำลัง หากระหว่างทางที่วิ่งขึ้นไปยางของล้อคู่หน้าเกิดสูญเสียการยึดเกาะ สังเกตได้จากตัวรถไม่มีแรงที่จะตะกุยทางไปข้างหน้า ให้พยายามโยกพวงมาลับไปมาซ้ายขวาสลับกัน เพื่อให้แรงยึดเกาะพื้นผิวของหน้ายางกลับมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับทางลงเพียงแต่เปลี่ยนการเร่งรอบเครื่องยนต์เป็นการใช้เอนจินเบรค สลับการแตะเบรค เมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้น แต่ต้องอย่าให้การแตะเบรคเกิดทำให้ล้อลอคจนทำให้การบังคับควบคุมทิศทางของรถเสียไป หากเครื่องยนต์เกิดดับขณะที่รถกำลังขับขึ้นทางชัน ก็ใช้เทคนิคการสตาร์ทอินเกียร์ ในขณะที่อยู่เกียร์ถอยหลัง และค่อยๆ ควบคุมรถลงมาถึงพื้นราบอย่างปลอดภัย แต่ถ้าเป็นอาการเครื่องยนต์ดับขณะที่กำลังขับลงตามทางลาดชัน ให้ใช้เทคนิคการสตาร์ทอินเกียร์เช่นกัน แต่เปลี่ยนเป็นการใช้เกียร์ 2 แทน
การฝึกหัดขับในช่วงแรกที่ยังไม่มีประสบการณ์ ควรมีพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์คอยแนะนำอย่างใกล้ชิด ถ้าคุณหาพี่เลี้ยงไม่ได้ แนะนำให้เข้ามาฝึกเรียนกับ SPIRIT OF THE 4x4 DRIVING SCHOOL ของบริษัท สื่อสากล จำกัด เพราะทางโรงเรียน ฯ มีครูฝึกที่มีความชำนาญการทางด้านขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยเฉพาะมาประกบสอนในสภาพเส้นทางใช้งานจริง
เครื่องยนต์แบบวี
ฉบับสุดท้ายจาก เอนก/จ. หนองคาย อยากรู้เกี่ยวกับโครงสร้างเครื่องยนต์
ถาม : เครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียง กับเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ มีความแตกต่างกันอย่างไร ในแง่การใช้งาน และเครื่องยนต์แบบไหนน่าใช้มากกว่ากัน ?
ตอบ : เครื่องยนต์แบบสูบแถวเรียงนั้น ถ้ามองในแง่ของโครงสร้างเครื่องยนต์ มันจะเป็นแบบง่ายๆ ไม่มีชิ้นส่วนกลไกสลับซับซ้อนแต่อย่างใด จะมีความแตกต่างก็แต่เพียงคู่ของสูบในการสลับการทำงานขึ้น/ลง เช่น สูบ 1 อาจคู่กับสูบที่ 3 หรือสูบ 1 อาจคู่กับสูบ 4 แล้วแต่วิศวกรผู้ออกแบบเครื่องยนต์นั้นจะออกแบบมา เครื่องยนต์นี้จะเป็นที่นิยมกันมากในรถกระบะขนาด 1 ตันในบ้านเรา เนื่องจากขนาดของเครื่องยนต์ไม่ใหญ่มากนัก แต่การดูแลรักษาเครื่องยนต์ก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด
ต่างจากเครื่องยนต์แบบสูบวี (V) ที่โครงสร้างของเครื่องยนต์จะทำมุมองศาการยันของก้านสูบทางฝั่งซ้าย และฝั่งขวาแบบรูปตัววี โดยมีเพลาข้อเหวี่ยงรองรับที่จุดปลายแหลมของตัววี เครื่องยนต์แบบนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่มีการทำงานที่เงียบ และมีอัตราเร่งรอบที่เรียบและรวดเร็วกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์แบบสูบแถวเรียง จึงทำให้เครื่องยนต์แบบสูบวี เป็นที่นิยมในรถเก๋งซีดาน ขนาดใหญ่ แล้วค่อยๆ มีในรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ รวมทั้งรถเอมพีวี ราคาแพง การดูแลรักษาเครื่องยนต์ในระยะยาวแน่นอนว่าต้องยุ่งยากกว่า
เรื่องโดย : โนว์ฮาว จูเนียร์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน กันยายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : เทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13268