ทั่วไป
เรนจ์ โรเวอร์ ในฐานะปรมาจารย์ทางด้านรถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยสายเลือด ได้ประกาศเปิดตัว เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ ในแบบสปอร์ท ซูเพอร์ชาร์จ ที่ระดมเอาสุดยอดเทคโนโลยีในทุกๆ ด้านมารวมใส่ไว้ในรถรุ่นนี้ เริ่มจากตัวถังภายนอกออกแบบให้ดูเพียบพร้อมไปด้วยเส้นสายและทรวดทรงที่บ่งบอกถึงความบึกบึนสมบุกสมบัน แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความเป็นรถสปอร์ท ไฟหน้าเป็นแบบอแดพทีฟ ไบ-ซีนอนที่ให้ความสว่างดุจดังตอนกลางวัน ภายในตกแต่งด้วยลายไม้ หนังแท้ และลวดลายเมทัลลิค เบาะนั่งทรงสปอร์ท จากตำแหน่งที่นั่งคนขับเมื่อขับจะให้ความรู้สึกเหมือนนั่งในคอคพิทของอากาศยาน
เรนจ์ โรเวอร์
สปอร์ท ซูเพอร์ชาร์จ
เรนจ์ โรเวอร์ ในฐานะปรมาจารย์ทางด้านรถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยสายเลือด ได้ประกาศเปิดตัว เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ ในแบบสปอร์ท ซูเพอร์ชาร์จ ที่ระดมเอาสุดยอดเทคโนโลยีในทุกๆ ด้านมารวมใส่ไว้ในรถรุ่นนี้ เริ่มจากตัวถังภายนอกออกแบบให้ดูเพียบพร้อมไปด้วยเส้นสายและทรวดทรงที่บ่งบอกถึงความบึกบึนสมบุกสมบัน แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความเป็นรถสปอร์ท ไฟหน้าเป็นแบบอแดพทีฟ ไบ-ซีนอนที่ให้ความสว่างดุจดังตอนกลางวัน ภายในตกแต่งด้วยลายไม้ หนังแท้ และลวดลายเมทัลลิค เบาะนั่งทรงสปอร์ท จากตำแหน่งที่นั่งคนขับเมื่อขับจะให้ความรู้สึกเหมือนนั่งในคอคพิทของอากาศยาน
ขุมกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเบนซินธรรมดา 4.4 ลิตร แบบ วี 8 สูบ 299 แรงม้า หรือสุดยอด 390 แรงม้า จากเครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จ 4.2 ลิตร แบบ วี 8 สูบ หรือเครื่องยนต์ดีเซล วี 6 สูบ 2.7 ลิตร 190 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พวงมาลัยเพาเวอร์แปรผันตามความเร็วรถ ช่วงล่างเป็นแบบถุงลมอีเลคทรอนิคส์ ครอสส์ลิงค์ที่จะปรับและรักษาระดับความสูงของรถให้สมดุลตลอดเวลาแม้ต้องมีการบรรทุกสิ่งของสัมภาระ
ระบบแอดวานศ์เบรคที่ใช้ระบบเบรคแบบจานของบเรมโบ ทั้งสี่ล้อ และใช้ลูกสูบเบรคแบบ 4 ลูกสูบ พร้อมทั้งระบบป้องกันล้อลอคแบบ 4 แชนแนล ของโบช นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเบรคฉุกเฉิน หรือ อีบีเอ (EBA: EMERGENCY BRAKE ASSIST) ที่จะช่วยลดระยะเบรคลงเมื่อต้องมีการเบรคแบบฉุกเฉิน และยังมีระบบกระจายแรงดันเบรคแบบอีเลคทรอนิคส์ที่จะช่วยให้แรงดันเบรคที่ส่งไปยังแต่ละล้อแตกต่างกันไปตามแต่สภาพการใช้งาน
ระบบอแดพทีฟ ครูสคอนทโรล นอกจากจะช่วยให้รถวิ่งไปด้วยความเร็วที่เราตั้งไว้แล้ว ยังสามารถตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าเราได้อีกด้วย โดยเมื่อรถคันหน้าเราอยู่ในระยะที่เราตั้งไว้ รถของเราจะชะลอความเร็วลงโดยอัตโนมัติทันที
ระบบเทอร์เรน เรสปอนส์ ที่จะมีปุ่มบิดบนแผงหน้าปัด ผู้ขับเพียงบิดปุ่มไปตามสภาพการใช้งาน เช่น บนทางร่อง บนทางโคลน บนทางทราย ระบบสมองกลคอมพิวเตอร์จะสั่งงานให้เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบรองรับช่วงล่างประสานการทำงานเพื่อตอบสนองการขับขี่ไปบนสภาพเส้นทางนั้นๆ
ระบบไดนามิค เรสปอนส์ ระบบนี้จะสั่งงานให้มีการปลดการทำงานของเหล็กกันโคลง หรือแอนทิโรลล์บาร์ เมื่อรถต้องวิ่งใช้งานบนทางวิบาก เพื่อให้ล้อทั้งสี่มีระยะยืดยุบมากเป็นพิเศษ แต่เมื่อต้องกลับไปขับบนทางเรียบอีกที ระบบจะต่อเหล็กกันโคลงกลับเข้าไปเหมือนเดิม
เอาดี คิว 7
รถ 4x4 สายพันธุ์ใหม่
เอาดี แจ้งเกิดรถขับเคลื่อน 4 ล้อ สายพันธุ์ใหม่ แต่ร่วมเผ่าพันธุ์เดียวกับ โฟล์คสวาเกน ตูอเรก และโพร์เช กาเยนน์ และจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ในเดือนกันยายนนี้
คิว 7 (Q7) ถูกวางตำแหน่งไว้ตรงกลางระหว่างรุ่น เอ 6 และรุ่น เอ 8 เนื่องจากทาง เอาดี ต้องการอุดช่องว่างทางการตลาดให้หมด ไม่เหลือช่องให้คู่แข่งเข้าเสียบได้ จึงได้จัดรุ่น คิว 7 มาโดยมีจุดเด่นตรงที่เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อขนาด 7 ที่นั่ง ที่จัดแถวที่นั่ง 3 แถว แบบ 2+3+2 โดยใช้โครงสร้างตัวถังหลักจาก โฟล์คสวาเกน ตูอเรก
ขุมกำลังเครื่องยนต์นั้นเป็นของ เอาดี เอง คือขนาดความจุ 3.2 ลิตร แบบ วี 6 สูบ กับแบบ วี 8 สูบ 4.2 ลิตร ระบบเกียร์นั้นอาจจะใช้เป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ ทิพทรอนิค แทนระบบเกียร์ธรรมดา DSG ของเดิม สำหรับเรื่องของเกียร์ 2 อัตราทด กับเรื่องของระบบรองรับช่วงล่างแบบถุงลมยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีใช้ในรุ่น คิว 7 นี้หรือไม่
โรงงานที่ใช้ประกอบรุ่น คิว 7 นี้คาดว่าน่าจะเป็นโรงงานเดียวกับที่ใช้ประกอบ โฟล์คสวาเกน ตูอเรก และโพร์เช กาเยนน์ คือที่บราทิสลาวา ในสโลวาเกีย
บีเอมดับเบิลยู
โชว์ เอกซ์ 5 โฉมใหม่
บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 กำลังก้าวเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 อีกไม่ช้านี้ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงซุ่มทดสอบอยู่ในเมืองมิวนิค ขนาดของตัวถัง เอกซ์ 5 ใหม่ นั้นจะใหญ่กว่ารุ่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของความกว้าง ยาว หรือสูง
สิ่งเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนใน เอกซ์ 5 เจเนอเรชันที่ 2 นี้ก็คือ การจัดเบาะนั่งแถวที่ 3 บริเวณส่วนยื่นห้อยท้ายของตัวรถ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ทาง บีเอมดับเบิลยู จะไม่ค่อยเห็นดีเห็นควรด้วยสักเท่าไร เนื่องจาก เอกซ์ 5 เป็นรถแวกอน หากจับยัดเบาะนั่งแถวที่สามเข้าไปในตัวรถจะทำให้ความเป็นแวกอนหายไป ในที่สุดจึงตัดสินใจเอาเบาะนั่งแถวที่ 3 นี้เป็นออพชันที่สามารถพับเก็บได้ เมื่อต้องการเนื้อที่สำหรับบรรทุกสิ่งของสัมภาระโดยมีขนาดความจุห้องเก็บของด้านหลังมากถึง 500 ลิตร
โครงสร้างตัวถังในรุ่นปัจจุบันเป็นของรุ่น ซีรีส์ 5 ตัวเก่า ในขณะที่ เอกซ์ 5 ใหม่ นี้จะใช้โครงสร้างตัวถังร่วมกับรุ่น เอกซ์ 3 ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ในขณะที่ด้านหลังเป็นแบบมัลทิลิงค์ คอยล์สปริง สำหรับรุ่นทอพช่วงล่างจะใช้เป็นแบบถุงลมแอร์สปริง ระบบบังคับเลี้ยวในรุ่นใหม่นี้จะเป็นแบบแอคทีฟสเตียริงที่จะลดความเสี่ยงของการพลิกคว่ำเมื่อต้องหักหลบสิ่งกีดขวางขณะที่ขับด้วยความเร็วสูง
ระบบ ออน ดีมานด์ เอกซ์ดไรฟ ยังคงมีใช้ต่อไปในรุ่น เอกซ์ 5 ใหม่ แม้ว่าผู้ใช้ เอกซ์ 5 ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ใช้รถรุ่นนี้บนทางวิบาก
ขุมกำลังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน แบบ วี 8 สูบ 4.0 ลิตร และ 4.8 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4.0 ลิตร วี 8 สูบ ส่วนเกียร์มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
สำหรับสถานที่ๆ ใช้ประกอบรุ่น เอกซ์ 5 ใหม่นี้ คาดว่าจะเป็นโรงงานสปาร์ทันเบิร์ก ในเซาธ์แคโรไลนา ที่เดียวกับที่ใช้ประกอบรุ่น เอกซ์ 5 ในปัจจุบัน
ฮอนดา
ผลิตพิคอัพ "ริดจ์ไลน์" เอาใจชาวอเมริกัน
ฮอนดา ต้องการทำรถพิคอัพเอาใจชาวอเมริกัน ทั้งที่ตัวเองไม่ค่อยมีความชำนาญในเรื่องรถพิคอัพนี้เท่าที่ควร อีกทั้งเจ้าตลาดรถพิคอัพขนาดใหญ่ของอเมริกันก็มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์, โตโยตา ตาโกมา และนิสสัน ฟรอนเทียร์
แต่ในที่สุด ฮอนดา ก็สามารถทำรถ ฮอนดา ริดจ์ไลน์ (RIDGELINE) ออกมาชนะใจชาวอเมริกันจนได้ ด้วยตัวถังขนาดใหญ่ วางเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดความจุ 3.5 ลิตร แบบ วี 6 สูบ มีกำลังม้าสูงสุด 190 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ รองรับช่วงล่างทั้ง 4 ล้อ ด้วยระบบรองรับอิสระ คอยล์สปริง
ฮอนดา สามารถเจาะตลาดรถเก๋งในสหรัฐอเมริกาเป็นที่สำเร็จแล้ว แต่สำหรับตลาดรถพิคอัพ รวมถึงตลาดรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีอนาคตเป็นอย่างไรต้องค่อยๆ ติดตามดูกัน
ฟอร์ด
เตรียมโชว์แนวคิด "บองโก" ใหม่
จากงานแสดงรถยนต์นานาชาติอเมริกาเหนือ ฟอร์ด ได้นำเสนอรถแนวคิด บองโก ใหม่ ขุมกำลังหลักเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ ดูราทอร์ค TDCI 16 วาล์ว ความจุ 2.0 ลิตร มีกำลังสูงสุด 128 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 33.7 กก.-ม. สามารถบูสต์ไนโตรออกไซด์ ได้ภายในเวลา 3 วินาที เพื่อรีดแรงม้าให้เพิ่มขึ้นอีก 50 แรงม้า ระบบเกียร์ในรถแนวคิด บองโก ใหม่นี้ เป็นแบบเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ 6 จังหวะใหม่ ควบคุมการทำงานของการเปลี่ยนเกียร์ ด้วยการปิด/เปิดคลัทช์เดี่ยว เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์แบบเกียร์ธรรมดา สามารถทำได้ด้วยการกดชิฟท์เกียร์ที่บนพวงมาลัยเหมือนกับรถแข่ง ฟอร์มูลา 1 แม้ว่าตัวถังรถจะมีขนาดใหญ่ แต่มีน้ำหนักรถเพียง 1.4 ตัน เนื่องจากวัสดุหลายอย่างที่นำมาประกอบ มีน้ำหนักเบา ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะที่การขับเคลื่อนปกติจะขับเคลื่อนเฉพาะล้อหลัง และจะเปลี่ยนมาเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อทันทีที่ล้อใดล้อหนึ่งสูญเสียการยึดเกาะถนน
จีพ
แกรนด์ เชอโรคี 2005 ได้รางวัลรถ 4x4 แห่งปี
นิตยสาร 4WHEEL&OFFROAD ในสหรัฐอเมริกา มอบรางวัลรถขับเคลื่อนสี่ล้อแห่งปี ให้กับ จีพ แกรนด์ เชอโรคี ปี 2005 ด้วยความมีชื่อเสียงของนิตยสารฉบับนี้ ที่มีต่อผู้อ่านและผู้สนใจในรถขับเคลื่อนสี่ล้อมานานกว่า 23 ปี ทำให้นิตยสารฉบับนี้ ได้จัดให้มีการทดสอบรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ยี่ห้อต่างๆ รุ่นต่างๆ ที่มีขายในสหรัฐอเมริกา โดยนำมาทดสอบเพื่อหาสมรรถนะบนทางวิบาก ตั้งแต่เส้นทางที่เป็นภูเขาจนถึงทะเลทราย ซึ่งการจัดการทดสอบสมรรถนะนี้เป็นครั้งที่ 10 ตลอดเส้นทางทดสอบกว่า 1,000 ไมล์ รถยี่ห้อต่างๆ ต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบในเรื่องระบบรองรับ เครื่องยนต์ เกียร์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงขีดความสามารถในการบังคับควบคุมตัวรถในสถานการณ์ต่างๆ และในที่สุด รางวัล "รถขับเคลื่อนสี่ล้อยอดเยี่ยมแห่งปี 2005" ตกเป็นของ จีพ แกรนด์ เชอโรคี
จีพ
เตรียมผลิต "ลิเบอร์ที" เครื่องยนต์ดีเซล
ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงของ จีพ ได้จัดการตัดสินใจวางเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ความจุ 2.8 ลิตรในรถรุ่น ลิเบอร์ที ซึ่งเป็นรถเอสยูวีขนาดกลางรุ่นแรกของ จีพ ที่วางเครื่องยนต์ดีเซล ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ที่ทำงานได้เงียบ เผาไหม้สมบูรณ์มากกว่า ทำให้ไร้มลภาวะในอากาศ และที่สำคัญให้แรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำได้ดีกว่า
จีพ ลิเบอร์ที รุ่นล่าสุดนี้ เป็นผลงานจากการออกแบบในเจเนอเรชันที่ 2 ตัวรถมีเหลี่ยมสันที่เน้นความกำยำล่ำสันมากขึ้นกว่ารุ่นแรก ยิ่งวางเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ยิ่งทำให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงจากเครื่องยนต์ตัวเดิมถึง 25 เปอร์เซนต์ เมื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 480 ไมล์
ฮัมเมอร์
โชว์รถรุ่นพิเศษ เอช 2 เอช
ในโครงสร้างตัวถังหลักจาก ฮัมเมอร์ รุ่นเอช 2 ซึ่งเป็นรถกระบะอเนกประสงค์ยอดนิยม วิศวกรของ ฮัมเมอร์ ได้จัดการโมดิฟายในส่วนของกระบะหลัง ด้วยการตัดส่วนบนออก และคลุมด้วยผ้าใบ แถมยังพ่นสีของตัวถังเพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถที่ใช้แกสไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ด้วยการพ่นสี และลายกราฟิครูป H2H เป็นสีเลเซอร์บลู
ขุมกำลังหลักเป็นเครื่องยนต์วอร์เทค ความจุ 6,000 ซีซี แทนที่ระบบป้อนไอดีจะเป็นการผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ ก็เป็นการผสมระหว่างไฮโดรเจนกับอากาศแทน เนื่องจากใช้แกสไฮโดรเจน เป็นเชื้อเพลิงหลักทำให้เครื่องยนต์ขาดกำลัง วิศวกรของ ฮัมเมอร์ จึงจัดการเพิ่มพละกำลังทั้งแรงม้าและแรงบิด ด้วยการติดตั้งซูเพอร์ชาร์จ เข้าไป ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังสูงสุดถึง 180 แรงม้า
ถังไฮโดรเจนทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อให้มีน้ำหนักเบา แต่ละถังมีปริมาตรความจุ 350 บาร์ ในตัวรถบรรจุถึง 3 ถัง เมื่อเติมแกสเต็มถังทั้งหมดจะทำให้ เอช 2 เอช วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 60 ไมล์ นับเป็นอีกนวัตกรรมที่พัฒนามาเพื่อรองรับวิกฤตการณ์ด้านพลังงานเชื้อเพลิง
แลนด์ โรเวอร์
เปิดโรงเรียนสอนขับรถ 4x4 แห่งที่ 3
แลนด์ โรเวอร์ ในฐานะปรมาจารย์ทางด้านรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ต้องการคืนกำไรสู่สังคม และแสดงสปิริทความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ด้วยการเร่งขยายเปิดโรงเรียนสอนขับรถขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างถูกวิธี ให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของรถขับเคลื่อนสี่ล้อของ แลนด์ โรเวอร์ ทุกรุ่น
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเปิดโรงเรียนมา 2 แห่งแล้ว ผู้บริหารของ แลนด์ โรเวอร์ ได้ทำการเปิดโรงเรียนสอนขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ LAND ROVER EXPERIENCE DRIVING SCHOOL แห่งที่ 3 ที่คาร์เมล วัลเลย์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย การดำเนินงานของโรงเรียน ไม่ได้เน้นผลประกอบการเพื่อหวังผลกำไรแต่อย่างใด
หลักสูตรที่เปิดสอน มีตั้งแต่หลักสูตร 1 ชม., ครึ่งวัน, เต็มวัน ไปจนถึงหลักสูตรขั้นพัฒนาในแบบต่างๆ ซึ่งจะทำให้ผู้จบหลักสูตรสามารถขับรถขับเคลี่อนสี่ล้อไปตามเส้นทางต่างๆ อย่างถูกวิธี และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ เน้นจิตสำนึกความรับผิดชอบที่มีต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
OSHKOSH
ผลิต HEMTT A3 สุดยอดรถทรัค
รถทรัค HEMTT (HEAVY EXPANDED MOBILITY TACTICAL TRUCK) หรือรถบรรทุกหนักเพื่อใช้ในการขนส่งสัมภาระหนักในภาคสนาม ที่บริษัท OSHKOSH ได้พัฒนาและผลิตขึ้นมา ตัวถังรถเป็นรถทรัคขนาดใหญ่มีล้อทั้งหมด 8 ล้อ และขับเคลื่อนทุกล้อ ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 8x8 จุดประสงค์ที่ผลิตออกมา เพื่อตอบสนองการใช้งานของกองทัพ นับเป็นรถทรัค ไฮบริด รุ่นแรกของโลก
แหล่งพลังงานหลักเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 400 แรงม้า ทำงานร่วมกับเจเนอเรเตอร์ ขนาด 200 กิโลวัตต์ ด้วยการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับเจเนอเรเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก 20 เปอร์เซนต์ ขีดความสามารถในการบรรทุกมากสุดถึง 13 ตัน !
ช่วงล่างอิสระทั้ง 8 ล้อ รองรับด้วยช่วงล่างแบบเซมิ-แอคทีฟ ไฮดราแกสสตรัท ที่สามารถปรับระดับความสูงของตัวรถได้ นอกจากนี้ในแต่ละล้อยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าแยกควบคุมอย่างเป็นอิสระ สามารถช่วยเพิ่มแรงบิดสูงสุดไปยังแต่ละล้อได้ตามต้องการ
เนื่องจากระบบสำรองพลังงานของตัวรถไม่ต้องอาศัยแบทเตอรีเหมือนอย่างกับรถไฮบริดทั่วไป ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องกันเนื้อที่สำหรับรองรับแบทเตอรีหลายๆ ลูก แต่ระบบการสำรองพลังงานไฟฟ้านั้นใช้อุลทราคาพาซิเตอร์ในการเก็บสะสมพลังงานแทน นอกจากนี้ยังมีระบบเบรค เจเนอเรทีฟ ที่ทุกครั้งที่มีการเหยียบเบรค จะมีการเก็บสะสมพลังงานเพื่อการใช้งานสำหรับการเบรคในครั้งต่อไป
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13209