เทคนิค
ฉบับแรกจาก ธิติมา/จ. ราชบุรี ที่ต้องทรมานกับอาการปวดหลังเนื่องมาจากการขับรถ
ปวดหลัง
ฉบับแรกจาก ธิติมา/จ. ราชบุรี ที่ต้องทรมานกับอาการปวดหลังเนื่องมาจากการขับรถ
ถาม : ดิฉันใช้รถกระบะในการเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อยๆ และทุกครั้งที่ขับรถเสร็จสิ้น จะมีอาการปวดหลังตามมา ไม่ทราบว่า ถ้าจะเปลี่ยนเบาะใหม่ แล้วจะหายจากอาการที่ว่านี้
หรือมีทางแก้ไขวิธีอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ ?
ตอบ : อาการปวดหลัง สาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดกับคนที่ต้องขับรถบ่อยๆ และนานๆ มักเกิดจากการที่คนขับปรับเบาะนั่ง และท่านั่งของตัวเองไม่ถูกต้อง แม้ว่าจะตรวจดูแล้วว่า นั่งขับถนัด และสบาย แต่การขับรถต้องมีอิริยาบถที่ขยับปรับเปลี่ยน ตัวเบาะเองก็มีการสั่นสะเทือนและเหวี่ยงตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายของคนขับมีการขยับกิริยาอาการไปเรื่อยๆ
น่าจะเป็นการดี ถ้าลองมาสำรวจดูว่า คุณนั่งได้ถูกต้องตามหลักเออร์โกโนมิค ERGONOMIC หรือไม่ เริ่มจากตำแหน่งของเบาะนั่งที่ต้องรองรับร่างกาย ตัวเบาะนั่งสามารถปรับให้เลื่อนหน้า/หลังได้สะดวก ให้ยึดเอาเท้าซ้ายเป็นหลัก เมื่อใช้เท้าซ้ายเหยียบแป้นคลัทช์ลงจนสุดแล้ว เท้าซ้ายจะต้องไม่ยัน ข้อเข่าต้องมีช่วงพับงอเล็กน้อย เมื่อปรับเบาะนั่งได้ตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการปรับส่วนของพนักพิง สามารถปรับมุมเอียงเอนหน้า/หลังได้ การหาตำแหน่งให้ยึดหลักที่ว่า เมื่อเอามือกำพวงมาลัยในตำแหน่ง 10 โมง 10 นาทีแล้ว แขนจะต้องไม่อยู่ในตำแหน่งเหยียดสุด ข้อศอกจะต้องมีช่วงพับงอเล็กน้อย หากจัดตำแหน่งของพนักพิงได้ตามตำแหน่งแล้ว แขนเหยียดสุด จะทำให้ขับสบายขึ้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเวลาที่คุณสาวพวงมาลัย เพื่อทำการเลี้ยวโค้ง คุณจะต้องยกแผ่นหลังขึ้นจากพนักพิงเบาะ จึงทำให้ท่านั่งขับไม่มั่นคง เป็นผลให้เกิดอาการปวดหลังตามมา
เมื่อได้ท่านั่งขับที่ถูกต้องแล้ว ลองสำรวจบรรดาแป้นคลัทช์ เบรค และคันเร่ง ดูว่ามีอาการฝืดหรือขัดบ้างหรือไม่ หากมีอาการติดขัด สาเหตุเกิดจากการขาดน้ำมันหล่อลื่น ก็ควรหาน้ำมันเครื่อง หรือจาระบีมาหยอดให้เรียบร้อย ถึง แม้ว่าคุณจะจัดท่านั่งขับได้ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าชิ้นส่วนแป้นบังคับเหล่านี้ มีอาการฝืดหรือติดขัด ก็จะส่งผลให้คุณปวดหลังได้เช่นกัน
แป้นพักเท้าที่อยู่ทางด้านซ้ายของแป้นคลัทช์นั้น หลายคนแทบจะไม่เคยได้ใช้ประโยชน์จากมันเลย ลองใช้มันดูสิครับ เมื่อใดที่เท้าซ้ายไม่ได้อยู่บนแป้นคลัทช์ เพื่อทำการเปลี่ยนเกียร์ ให้เอาเท้าซ้ายไปวางบนแป้นพักเท้าแทน นอกจากจะช่วยยันให้ร่างกายของคุณแนบกับเบาะนั่ง ไม่เกิดอาการเลื่อนไถลหรือเหวี่ยงไปมาขณะที่รถขับเคลื่อนที่ แป้นพักเท้ามีประโยชน์เป็นอย่างมากในการขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเส้นทางที่รถวิ่งไป/มานั้น เป็นพื้นที่ขรุขระ ตัวถังรถจะถูกเหวี่ยงไปทุกทิศทุกทาง แป้นพักเท้านี้จะช่วยให้ร่างกายของคนขับแนบกับเบาะตลอดเวลา ช่วยไม่ให้เกิดอาการเมื่อยล้าหรือปวดหลังได้เป็นอย่างดี
สลับยาง
ฉบับที่สองจาก สุเทพ/กทม. สงสัยเรื่องสลับยาง
ถาม : ทำไมในคู่มือการใช้รถเกือบทุกยี่ห้อ แนะนำให้สลับยาง เมื่อรถวิ่งใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ทั้งที่จริงๆ แล้วเจ้าของรถหลายคนก็มีปัญญาที่จะเปลี่ยนยางชุดใหม่ แต่สงสัยว่ามันคุ้มค่ากับความปลอดภัยหรือกับการที่ต้องสลับยางหรือไม่ ?
ตอบ : การสลับยาง เป็นอีกวิธีหนึ่งของการดูแลรักษายางให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น เพราะอัตราการสึกหรอของยางแต่ละเส้นนั้นจะไม่เท่ากัน สาเหตุขึ้นอยู่กับการรองรับน้ำหนัก
และการรองรับแรงขับเคลื่อน รถที่ขับเคลื่อนล้อหลังก็จะมีอัตราการสึกหรอของยางล้อหลังมากกว่าล้อหน้า นอกจากนี้ในยางแต่ละคู่ของทั้งด้านหน้า/หลัง ก็ยังมีอัตราการสึกหรอที่แตกต่างกัน อีกทั้งการตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ได้สมดุล ยังทำให้การสึกหรอของล้อข้างซ้าย/ขวาแตกต่างกันอีก นอกจากการตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้องแล้ว การถ่วงล้อด้วยตะกั่วที่เมื่อใช้งานแล้วตะกั่วเกิดหลุดหายไป ก็มีผลต่อการสึกหรอ และประการสุดท้ายที่ส่งผล คือ การหมดสภาพชิ้นส่วนของเครื่องยนต์กลไกในการใช้งานของช่วงล่าง โดยเฉพาะชอคอับ
ส่วนการสลับยาง
จะเป็นการสลับเอายางที่สึกหรอน้อยกว่ามาไว้ในตำแหน่งที่ทำให้ยางมีการสึกหรอมากกว่า เพื่อให้ยางทุกเส้นมีอัตราการสึกหรอที่เท่ากัน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนยางชุดใหม่ การสลับยางมีวิธีการสลับทั้งแบบสลับยางคู่หน้ามาไว้ที่ยางคู่หลัง หรือสลับยางแบบไขว้กันเป็นตัว X โดยเอายางล้อหน้าซ้ายมาสลับกับล้อหลังขวา แล้วเอายางล้อหน้าขวามาสลับกับล้อหลังซ้าย
และทุกครั้งที่สลับยางควรจะมีการถ่วงล้อใหม่ด้วย และที่จะขาดไม่ได้คุณต้องตั้งศูนย์ล้อใหม่ให้ถูกต้องด้วย
แม้ว่าราคาของยางรถแต่ละยี่ห้อจะมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป แต่บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ ก็อยากจะให้ผู้ใช้รถได้ใช้ประโยชน์จากยางที่ซื้อมาอย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ
แรงบิด
ฉบับสุดท้ายจาก อนุชา/กทม. อยากรู้เกี่ยวกับข้อมูลสเปคของรถขับเคลื่อนสี่ล้อ
ถาม : ในสเปครถขับเคลื่อนสี่ล้อ หลายๆ ยี่ห้อจะมีการบอกเกี่ยวกับแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่น ถ้าจะนำสเปคเหล่านั้นมาทำการเปรียบเทียบเพื่อการตัดสินใจซื้อรถ จะทำอย่างไร ?
ตอบ : เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก เนื่องจากแคทาลอกของรถทุกยี่ห้อจะมีข้อมูลจำเพาะ หรือสเปครถบอกไว้ ในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมิติของรถ ความจุถังน้ำมัน ขนาดยาง และล้อ
รวมถึงออพชันต่างๆ หลายคนคงนึกและมองเห็นภาพ แต่ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น ผู้บริโภคคงจะรู้ได้แต่เพียงความจุของเครื่องยนต์ และกำลังของแรงม้า แต่แรงบิดนั้นหลายคน
คงจะไม่สนใจสักเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว แรงบิดเป็นตัวที่น่าสนใจมากที่สุด
ความจุของเครื่องยนต์ที่เท่ากัน ถ้านำแรงม้ามาเปรียบเทียบควรจะเทียบในรอบเครื่องที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน แรงม้าที่ว่านี้จะอยู่ในช่วงรอบนั้นๆ เช่น มีกำลังสูงสุด 97 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. หมายความว่าเครื่องยนต์นั้นให้แรงม้าสูงสุด 97 แรงม้า ที่รอบเครื่อง 5,500 รตน. ที่รอบเครื่องเท่านี้เครื่องยนต์จะให้แรงม้าได้มากที่สุด นั่นหมายความว่าหากคุณจะขับรถให้เร็วโดยที่ใช้กำลังสุดๆ จากเครื่องยนต์แล้ว รอบของเครื่องยนต์ที่เร่งอยู่ในขณะนั้นควรจะอยู่ที่ 5,500 รตน.
ส่วนแรงบิดของเครื่องยนต์ก็เช่นเดียวกัน ควรเทียบในขนาดรอบเครื่องที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ตัวอย่างเช่น มีแรงบิดสูงสุด 13.8 กก.-ม. ที่ 2,500 รตน. หมายความว่าเครื่องยนต์ให้แรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องยนต์ 2,500 รตน. เท่ากับว่ามีกำลังฉุดมากสุด กำลังฉุดที่ว่านี้ คือ ทำให้คุณขับรถจากช่วงความเร็วหนึ่งไปยังอีกความเร็วหนึ่งที่มากกว่าได้ในเวลาอันสั้น ยิ่งมีแรงบิดมาก ยิ่งทำให้สามารถทำความเร็วเร่งแซงได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้แรงบิดยังมีประโยชน์ในด้านความประหยัด โดยเทียบในความจุเครื่องยนต์เดียวกันและที่รอบเครื่องยนต์เท่ากัน รถที่มีแรงบิดมากจะทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง หลักการนำเอาแรงบิดมาเปรียบเทียบก็คือ เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดที่มากในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า จะได้เปรียบมากกว่า
ในรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าจะได้เปรียบกว่า และยิ่งเกียร์มีอัตราทดที่ดีกว่า จะทำให้สมรรถนะเชิงบู๊บนเส้นทางวิบากมีมากกว่าด้วย วิศวกรผู้ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ เขาจะคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้วว่าอัตราทดเกียร์โดยเฉพาะโลว์เรนจ์นั้น มีพละกำลังมากพอที่จะฉุดลากให้ตัวรถไต่หรือปีนป่ายขึ้นทางที่มีความลาดชันมากๆ ได้อย่างสบาย แม้ว่าเครื่องยนต์ในรถคันนั้นจะมีแรงบิดไม่มากพอ
เรื่องโดย : โนว์ฮาว จูเนียร์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : เทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13131