พิเศษ
จากตอนที่แล้ว เรายังเที่ยวชมความสวยงามของคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน เมืองเศรษฐกิจ เมืองหนึ่งของประเทศจีน ที่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ตั้งอยู่บนความสูงเฉลี่ย
1,890 เมตร ประชาชนอยู่กันค่อนข้างหนาแน่น การจราจรวุ่นวายและสับสนด้วยรถจักรยาน และคนเดิน ภายในตัวเมืองเต็มไปด้วยตึกและอาคารสูง การขับรถในเมืองนี้จึงต้องระมัดระวัง
เป็นพิเศษ
จากตอนที่แล้ว เรายังเที่ยวชมความสวยงามของคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน เมืองเศรษฐกิจ เมืองหนึ่งของประเทศจีน ที่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ตั้งอยู่บนความสูงเฉลี่ย
1,890 เมตร ประชาชนอยู่กันค่อนข้างหนาแน่น การจราจรวุ่นวายและสับสนด้วยรถจักรยาน และคนเดิน ภายในตัวเมืองเต็มไปด้วยตึกและอาคารสูง การขับรถในเมืองนี้จึงต้องระมัดระวัง
เป็นพิเศษ
เราพักกันที่ "โรงแรมจินเจียง" ระดับสี่ดาวของเมืองนี้ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องห้องน้ำ เพราะดูดีเหมือนกับตัวโรงแรม ต่างจากในปั๊มน้ำมัน และจุดพักรถอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีสภาพเป็นคอกเตี้ยๆ
สูงประมาณ 1 เมตร ด้านหน้าไม่มีประตู ตรงกลางเป็นร่องยาว สำหรับถ่ายหนักและเบา สัมผัสได้ทั้งภาพและกลิ่นตลอดเวลา น่าแปลกที่เมืองใหญ่มีประชากรเยอะ การเจริญเติบโต
ของเมืองรวดเร็วมาก แต่ห้องน้ำยังไม่มีการพัฒนา หรือปรับปรุงให้ดีสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว
คืนนี้หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับทุกคนเต็มอิ่มกับการเดินชอพพิง ซื้อใบชาพูเอ๋อ ที่ขึ้นชื่อ บ้างก็ไปสนุกสนาน พูดคุยกับบรรดาผีเสื้อราตรี ที่เดินกันขวักไขว่บริเวณหน้าโรงเแรม ถึงตอนเช้าทุกคนเตรียมสัมภาระอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สัมภาระส่วนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ที่โรงแรม นำไปเพียงเสื้อผ้าที่จำเป็นเท่านั้น
วันที่ห้า
ตะลุยเหนือ ข้ามเขาสูงสู่ลี่เจียง
เราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองลี่เจียง น้ำมันในรถทุกคันถูกเติมอีกครั้ง สภาพเส้นทางช่วงนี้ทุรกันดารแบบหินกรวดขรุขระ ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตรจากสภาพถนนที่กำลังก่อสร้าง
เราเดินทางตามกันไปเป็นขบวน แต่แทบจะมองไม่เห็นท้ายกันเลย เพราะฝุ่นหนาแน่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ จนถึงจุดขึ้นทางด่วน เราต้องเดินทางต่อไปบนทางด่วน
ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร รถในขบวนทุกคันสามารถทำความเร็วได้อีกครั้ง ไม่นานก็แวะลงเติมพลังอาหารมื้อเที่ยงที่โรงแรมเซียงเบา
หลังจากอิ่มท้องเรามุ่งหน้าสู่เมืองตาลี่ หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามเมืองตาลีฟู แวะถ่ายรูปกับเจดีย์ 3 องค์ ที่มีชื่อเสียงมากของเมือง อีกฝั่งเป็นทะเลสาบเอ๋อไห่ ทอดยาวขนานเทือกเขากว่า 40 กิโลเมตร เรารีบเดินทางต่อตามโพรแกรมที่วางไว้ เพราะกลัวจะไม่ทันอาหารค่ำและกิจกรรมดีๆ ที่รอทุกคนอยู่ในเมืองลี่เจียง มีระยะทางเหลืออีกประมาณ 180 กิโลเมตร บนเทือกเขาสูงชัน เส้นทางคดเคี้ยวไปมา ยังดีที่สองข้างทางมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามทำให้ลืมความหวาดเสียวไปได้
ถนนขึ้นเขาสูงชันในช่วงนี้สามารถพิสูจน์พลังของเครื่องยนต์ ของ ไฮลักซ์ วีโก ได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้ขับทุกคนเห็นถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์อันยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นปริมาณน้ำมันที่ร่อยหรอ ทำให้รถหลายคันกลัวว่าจะไม่พอสำหรับเส้นทางแบบนี้ แต่ท้ายสุดก็สามารถวิ่งมาถึงเมืองลี่เจียงได้ครบทุกคัน
เราตื่นตากับทิวทัศน์ที่สวยงามของยอดเขามังกรหยก ซึ่งปกคลุมด้วยหิมะ เมื่อเปิดกระจกรถก็ได้สัมผัสกับอากาศภายนอกที่เย็นสบาย ไม่นานก็ถึง "โรงแรมเซ็นลอ" ทุกคนนำสัมภาระฝากไว้ที่โรงแรม ก่อนขึ้นรถบัสมุ่งหน้าสู่เมืองเก่า เพื่อรับประทานอาหารไทยมื้ออร่อยที่โรงแรมแกรนด์ลี่เจียง แล้วไปชมการแสดงพื้นเมือง ของชนเผ่านักซี (นาซี) ที่โรงละครของเมืองโบราณ จากนั้นแยกย้ายกันเดินเลือกซื้อของที่ระลึก ภายในเขตเมืองเก่าเต็มไปด้วยบ้านเมืองสมัยโบราณถูกนำมาบูรณะและตกแต่งด้วยแสงสี สวยงามตระการตา มีคูน้ำเป็นเส้นกั้นแบ่งเขตระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ เชื่อมถึงกันด้วยสะพานเล็กๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เมืองลี่เจียง
ลี่เจียงเป็นเมืองโบราณที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อเดือนธันวาคม 2540 มีอายุประมาณ 800-1,000 ปี ตั้งอยู่บนความสูงเฉลี่ย 2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของคุนหมิง เป็นนครหลวงของมณฑลยูนนาน มีเนื้อที่ 3.8 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 26,000 คน และเป็นชนเผ่านักซี หรือนาซี
ถึง 17,000 คนโดยประมาณ ลี่เจียงเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบมีหุบเขาล้อมรอบ ทิศตะวันตกติดเทือกเขาสิงโต ทิศเหนือติดกับเทือกเขาช้างและบรรทัดทอง มองเห็นยอดเขามังกรหยก ที่มีหิมะปกคลุม สูงถึง 5,600 เมตร
ลี่เจียงเป็นเมืองที่ไม่มีกำแพงแต่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา สร้างในสมัยราชวงศ์ซ้องตอนปลายต่อกับราชวงศ์หยวนตอนต้น และเป็นที่ซึ่งจักรพรรดิกุบไลข่าน แห่งราชวงศ์หยวนมาพำนัก ด้านสถาปัตยกรรมนั้นเป็นการผสมผสานกันระหว่าง จีนฮั่น ไป๋ และทิเบต
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เราเดินชอพพิงและเที่ยวชมบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองเก่าลี่เจียง เห็นร้านค้าที่เรียงรายกันอยู่มากมายก็อดคิดไม่ได้ว่า ภายใต้สถาปัตยกรรมอันสูงค่าทุกวันนี้ยามค่ำคืนเมืองเก่าลี่เจียง
ถูกเนรมิตให้เป็นร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ติดกันนับร้อยร้าน คล้ายกับสวนลุมไนท์พลาซา และตลาดไนท์พลาซาที่เชียงใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศกันอย่างเต็มที่ หลังจากเราชอพพิงของฝากกันเต็มที่ ทุกคนก็เดินทางกลับมาพักที่โรงแรมเพื่อเตรียมตัวเดินทางขึ้นเขามังกรหยกในวันรุ่งขึ้น
วันที่หก
ตื่นตากับยอดเขาหิมะมังกรหยก
ตอนเช้าทุกคนเตรียมร่างกายกันอย่างพร้อมเพรียงหน้าโรงแรม หลังจากนอนหลับเต็มอิ่ม สตาร์ทรถอุ่นเครื่องยนต์ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น วันนี้อดคิดไม่ได้ว่าเราจะได้สัมผัสพาหนะคู่ใจ
โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก ในทริพนี้เป็นวันสุดท้ายเพราะจะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ยอดเขามังกรหยก ไปถึงจุดสิ้นสุดการเดินทางด้วยรถ
บนพื้นล่าง มีประชาชนหลากหลายเชื้อชาติจำนวนมากมาเข้าแถวรอเพื่อจะขึ้นไปชมความงดงามของยอดเขาหิมะ ขั้นตอนการขึ้นเขามังกรหยก จะต้องซื้อตั๋วแล้วเข้าไปรอในจุดพักคนก่อนขึ้นรถบัสมุ่งหน้าสู่จุดขึ้นกระเช้า เราเสียเวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมง กว่าจะได้ขึ้นกระเช้า ซึ่งมีความสูงและอากาศหนาวเย็นมาก
เราได้รับคำแนะนำให้ประหยัดพลังงานเพราะจากนี้ไปจะต้องขึ้นไปอยู่บนที่สูงมากถึง 4,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศด้านบนเบาบาง แต่เมื่อถึงจุดหมายทุกคนต่างตื่นตากับความงดงามของยอดภูเขาหิมะมังกรหยก อากาศหนาวเย็นและลมแรง แสงแดดที่จัดจ้า ทำให้ต้องคว้าแว่นกันแดดมาใส่กันจ้าละหวั่น ถึงตอนนั้นต่างคนต่างก็รีบไปหาที่กดชัทเตอร์เก็บภาพสวยงามกันเต็มที่จนลืมว่าอยู่บนที่สูง แม้แต่ตัวเองที่คอยช่วยดึงมือคนอื่นขึ้น สุดท้ายก็ต้องทรุดลงไปนั่งอยู่พักใหญ่ถึงจะเดินต่อได้อีก
ช่วงบ่ายหลังจากเก็บภาพแห่งความทรงจำกันเต็มอิ่มแล้ว ทุกคนกลับลงมาจากยอดเขามังกรหยกเดินทางต่อถึงโรงแรม เป็นอันสิ้นสุดสำหรับทริพการเดินทางด้วย โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก ไทย-จีน ระยะทางกว่า 1,700 กิโลเมตร จากนั้นไปทานอาหารไทยมื้อเที่ยง ก่อนชมความงดงามของบึงมังกรดำ อันศักดิ์สิทธิ์ ที่เห็นภาพของยอดเขามังกรหยกสะท้อนน้ำเป็นสีดำอย่างงดงาม ชอพพิงครั้งสุดท้ายที่เมืองเก่าลี่เจียง ปิดท้ายด้วยอาหารมื้อค่ำที่ภัตตาคารจินโก แล้วเดินทางสู่สนามบินลี่เจียงเหินฟ้าสู่คุนหมิง
วันสุดท้าย
เก็บความประทับใจสู่สยามเมืองยิ้ม
วันสุดท้ายออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้ามืด เป็นวันแรกที่ไม่มีอาหารเช้าตกถึงท้อง เพราะทุกคนต้องรีบเดินทางกลับสู่กรุงเทพ ฯ พร้อมกับความประทับใจในการเดินทาง ที่มีทั้งความหฤโหด
และบรรยากาศที่แสนตื่นตา รวมถึงความรู้สึกดีๆ ที่ได้สัมผัสกับสมรรถนะอันน่าทึ่งของ โตโยตา ไฮลักซ์ วีโก ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อและสองล้อ ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ มาได้อย่างปลอดภัย
ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/12966