เทคนิค
ฉบับแรกจาก วัชราวุธ/จ. ราชบุรี ข้องใจในการใช้ระบบครูสคอนโทรล
ครูสคอนโทรล อันตรายไหม ?
ฉบับแรกจาก วัชราวุธ/จ. ราชบุรี ข้องใจในการใช้ระบบครูสคอนโทรล
ถาม : ผมกำลังตัดสินใจซื้อรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันใหม่ ที่มีระบบครูสคอนโทรล เป็นออพชัน แต่กลัวว่าระบบนี้จะเป็นอันตรายเวลาขับรถทางไกล ในการใช้งานจริงมันเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ชี้แจงให้ทราบด้วยครับ ?
ตอบ : ระบบครูสคอนโทรล (CRUISE CONTROL) หรือระบบลอคความเร็วรถอัตโนมัติ เป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับรถระยะทางไกลๆ บนเส้นทางไฮเวย์ที่โล่ง
ผู้ขับไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งแช่ไว้ตลอดเวลา ช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าของผู้ขับได้เป็นอย่างมาก
หลายคนเข้าใจว่า เมื่อรถถูกลอคความเร็วอัตโนมัติแล้ว อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้จากการที่รถอาจวิ่งเพลินจนไปชนรถคันอื่นเข้า ซึ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุเช่นนั้นขึ้นจริง ไม่น่าจะเป็นความผิดอันเกิดจากระบบครูสคอนโทรล แต่น่าจะเป็นเพราะการขาดสติในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ เพราะแม้ในรถที่ไม่มีระบบครูสคอนโทรล ถ้าคนขับใจลอยหรือหลับใน ก็มีสิทธิ์เกิดอุบัติเหตุได้
ในการใช้งานระบบครูสคอนโทรลนั้น ผู้ขับสามารถที่จะลอคความเร็วของรถให้รถวิ่งได้ด้วยความเร็วคงที่ตั้งแต่ 40 กม./ชม. ขึ้นไป และระบบจะตัดการทำงานของครูสคอนโทรล โดยอัตโนมัติอีกเช่นกันเมื่อผู้ขับเหยียบเบรค หรือกดปุ่ม CANCEL
เมื่อตั้งความเร็วที่ต้องการได้แล้ว รถจะวิ่งไปด้วยความเร็วที่คงที่นั้นตลอดเวลา และเมื่อต้องการลดหรือเพิ่มความเร็วก็สามารถทำได้โดยการกดปุ่มเพิ่มหรือลดความเร็วที่บนพวงมาลัย หรือใช้การเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วได้ตามต้องการ แต่ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหรือลดความเร็วด้วยการกดปุ่มบนพวงมาลัยหรือการเหยียบคันเร่ง ทันทีที่ผ่อนคันเร่งหรือปล่อยนิ้วออกจากปุ่มลด/เพิ่มความเร็ว ความเร็วของรถก็จะกลับมายังความเร็วรถเดิมที่ตั้งลอคไว้อีกครั้ง
สำหรับการยกเลิกใช้ระบบครูสคอนโทรล ทำได้ 2 วิธี ทั้งการเหยียบเบรค หรือกดปุ่ม CANCEL จากความเร็วที่ตั้งไว้ ความเร็วของรถจะลดลงโดยทันที
จะเห็นว่าระบบครูสคอนโทรล ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อการขับรถทางไกลเลย หากผู้ควบคุมรถมีสติ และความรับผิดชอบ รับรองได้ว่า ใช้งานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
ยางระเบิดได้อย่างไร ?
ฉบับที่สองจาก มณฑล/กทม. สงสัยเรื่องยางระเบิด
ถาม : ปัญหาเรื่องของยางระเบิดในขณะขับรถอยู่นั้น น่าจะเกิดจากการที่เติมลมยางมากเกินไป แต่ทำไมในฉบับก่อนๆ ถึงได้ชี้แจงว่าปัญหายางระเบิดเกิดจากการเติมลมยางน้อยเกินไป จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างไร ?
ตอบ : สำหรับปัญหาเรื่องของยางระเบิดนั้น ไม่ใช่ว่าจะเกิดจากปัญหาเรื่องของแรงดันลมยางอย่างเดียว เพราะมันยังอาจเกิดจากสภาพของยางที่อาจจะสึกหรอหรือผ่านการใช้งานมามากเกินไป การบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป รวมไปถึงการใช้งานผิดประเภทของยาง เช่น เอายางมัด เทอร์เรน ไปวิ่งใช้งานบนทางเรียบ หรือเอายางเรเดียลธรรมดามาวิ่งใช้งานบนทางวิบาก ทำให้มีโอกาสที่ยางจะระเบิดนั้นมีมาก
ส่วนปัญหาของแรงดันลมยางที่มีผลต่อการระเบิดของยางนั้น ยังยืนยันว่าส่วนใหญ่เกิดจากการเติมแรงดันลมยางน้อยกว่าพิกัดของยางที่กำหนดไว้ ไม่ใช่การเติมแรงดันลมยางมากเกินไป
ทั้งนี้เพราะการเติมแรงดันลมยางน้อยกว่าปกติ จะทำให้โครงสร้างเส้นใยในตัวยางเกิดการบิดตัวไปมาจนเกิดเป็นความร้อนสะสมอยู่ภายในตัวยาง จนในที่สุดความร้อนและแรงเครียดที่สะสมอยู่ในตัวยางมากเกินกว่าที่ยางจะรับไว้ได้ ยางก็จะเกิดระเบิดขึ้น สังเกตว่าในการเตรียมรถเพื่อการเดินทางไกล ในคู่มือการใช้รถจะแนะนำให้เติมแรงดันลมยางมากเกินกว่าปกติเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโครงสร้างยางเกิดการบิดตัวและยังช่วยให้เกิดการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
การเติมแรงดันลมยางตามคำแนะนำที่บอกไว้ในคู่มือการใช้รถยี่ห้อนั้นๆ นอกจากจะช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังจะช่วยให้คุณใช้รถได้อย่างปลอดภัยด้วย ฉะนั้นควรทำการตรวจเชคแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง และหากพบว่าแรงดันลมยางน้อยกว่าปกติไปเป็นอย่างมากในช่วงระยะเวลาอันสั้น ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเชคสภาพยางโดยเร็ว
เข้าเกียร์มีเสียง
ฉบับสุดท้ายจาก กรพินธ์/กทม. คิดว่ารถของตัวเองผิดปกติ
ถาม : ดิฉันใช้รถ ฟอร์ด เรนเจอร์ อยู่ และมีปัญหาเวลาเข้าเกียร์ถอยหลังทีไร จะได้ยินเสียงดังแกรกๆ ทุกครั้ง เคยเอารถเข้าตรวจเชคที่ศูนย์บริการ ช่างก็บอกว่ารถไม่เป็นอะไร แต่เมื่อนำมาใช้งานอีกก็ยังมีเสียงที่ว่าอีก มันเกิดจากอะไรคะ ?
ตอบ : ฟังจากที่คุณเล่ามาพอที่จะวิเคราะห์ได้ว่าเสียงดังกล่าวไม่น่าจะเกิดจากตัวรถ แต่น่าจะเกิดจากการใช้งานไม่ถูกต้องมากกว่า การใช้งานเกียร์ถอยหลังที่ถูกต้องนั้น ควรจะเข้าเกียร์ในขณะที่รถจอดนิ่งอยู่กับที่แล้วเท่านั้น เพราะหากรถจอดไม่สนิทแล้ว การขบเข้ากันของฟันเฟืองเกียร์จะไม่สามารถทำได้อย่างนุ่มนวล ไม่เหมือนการเข้าเกียร์เดินหน้าในทุกจังหวะ ดังนั้นจึงทำให้เมื่อคุณต้องเข้าเกียร์ถอยหลังทุกครั้งเมื่อจอดรถยังไม่สนิทจึงเกิดเป็นเสียงดังแกรกๆ (เป็นเสียงขบเบียดกันของเฟืองเกียร์ถอยหลัง)
จากตำแหน่งเกียร์เดินหน้าในทุกจังหวะหากจะมาเปลี่ยนเป็นเกียร์ถอยหลัง ต้องทำในขณะที่รถจอดนิ่งสนิทอยู่กับที่แล้วเท่านั้น แต่การเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ถอยหลังเป็นเกียร์เดินหน้าสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องให้รถจอดสนิทนิ่งอยู่กับที่
นอกจากปัญหาเรื่องของการเข้าเกียร์ถอยหลังในขณะที่รถยังจอดไม่สนิทนิ่งอยู่กับที่แล้ว ยังอาจเกิดจากการเหยียบคลัทช์เพื่อเข้าเกียร์ถอยได้ไม่จมสุดอีก การเหยียบคลัทช์ลงไม่สุดนั้นเกิดขึ้นได้จากการจัดวางเบาะรองนั่งห่างมากเกินไป ทำให้เมื่อเหยียบคลัทช์แม้ว่าจะเหยียดขาจนสุดแล้ว แป้นคลัทช์ก็ยังไม่จมจนสุดอีก หรือบางครั้งที่ใต้แป้นคลัทช์ที่บริเวณพื้น อาจมีพรมรองพื้น ผ้ายางปูพื้น สายไฟ หรืออื่นๆ ไปขัดระยะจมสุดของแป้นคลัทช์ (ต้องก้มลงไปสำรวจด้วยตัวเองว่ามีอะไรไปขัดที่พื้นรถหรือไม่) สิ่งกีดขวางเหล่านี้นี่เองที่ทำให้บางครั้งคุณมีความรู้สึกว่าเหยียบคลัทช์จนจมสุดแล้ว แต่ในความเป็นจริงอาจไปขัดเข้ากับสิ่งกีดขวางเหล่านี้ ด้วยการเหยียบคลัทช์ลงไม่จมสุดทำให้การขบเข้ากันของเฟืองเกียร์ทำได้อย่างไม่นิ่มนวลอีกเช่นเดียวกัน
นอกจากปัญหาที่ชี้แจงมาสองเรื่องนี้แล้ว คิดว่าไม่น่าจะเกิดจากปัญหาอย่างอื่นได้อีก ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานรถของคุณใหม่ดูอีกสักครั้ง รับรองว่าเวลาเข้าเกียร์ถอยหลังในครั้งต่อไปจะไม่มีเสียงดังแกรกๆ อีกอย่างแน่นอน
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2548
คอลัมน์ Online : เทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/12939