เทคนิค
ฉบับแรกจาก ฤทธิไกร สิทธิศานต์/จ. นครราชสีมา ไม่สบายใจเกี่ยวกับเทคนิคการผ่อนลมยาง
ผ่อนลมยาง
ฉบับแรกจาก ฤทธิไกร สิทธิศานต์/จ. นครราชสีมา ไม่สบายใจเกี่ยวกับเทคนิคการผ่อนลมยาง
ถาม : ผมเคยอ่านเทคนิคการขับรถบนทางทรายว่า ควรที่จะผ่อนแรงดันลมยาง เพื่อให้หน้ายางมีการยึดเกาะพื้นผิวได้ดีขึ้น และหากไม่สามารถหาลมเติมกลับเข้าไปดังเดิม
จำเป็นต้องวิ่งใช้งานทั้งที่ยางมีลมอ่อน จะมีผลเสียต่อยางมากน้อยเพียงใด ?
ตอบ : ใช่ครับ การขับรถบนทางทรายนั้น การผ่อนแรงดันลมยางจะช่วยให้การขับเคลื่อนทำได้ดีขึ้น เนื่องจากหน้ายางสัมผัสพื้นผิวได้เต็มที่ แต่นั่นเป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับการขับเคลื่อนไปบนทางทรายเท่านั้น แต่เมื่อต้องกลับขึ้นมาวิ่งบนทางเรียบอีกครั้ง ขอแนะนำให้รีบเติมแรงดันลมยางใส่กลับเข้าไปโดยเร็ว
เนื่องจากการปล่อยให้ยางมีแรงดันลมน้อยกว่าปกติ ส่งผลเสียหายให้กับยางมากมาย เริ่มจากยางจะมีการสึกหรอในส่วนของไหล่ยางทั้งด้านนอกและในมากกว่าปกติ เพราะแรงดันที่น้อยกว่าปกติ ทำให้ตรงกลางของหน้ายางไม่มีการเบ่งตัวออกมา เพื่อการรองรับน้ำหนักตัวรถ ส่งผลให้ส่วนที่ต้องรับน้ำหนักรถ กลับเป็นส่วนของไหล่ยาง เมื่อจำเป็นต้องนำรถไปฝืนวิ่งบนทางเรียบ จะทำให้บริเวณของไหล่ยางมีการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ไม่เพียงเท่านั้นโครงสร้างของยางยังถูกบิดจนเสียรูปอีก เพราะแรงดันลมยางมีไม่มากพอที่จะดันให้โครงสร้างของยางเบ่งตัวออกมาได้ ทำให้เมื่อล้อมีการเคลื่อนที่แรงเหวี่ยงจากทุกทิศทุกทางจะเหวี่ยงให้โครงสร้างของยางถูกบิดไปบิดมาจนเสียรูป หรืออาจบิดจนกระทั่งเกิดความร้อนสะสมในตัวยางมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ยางระเบิดในขณะที่ใช้ความเร็วสูงก็มีโอกาสเป็นไปได้ ทั้งนี้สังเกตได้จากอุณหภูมิของแก้มยางที่จะร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายังจำเป็นต้องนำรถออกไปฝืนวิ่งทั้งๆ ที่มีแรงดันลมยางเหลืออยู่น้อย
แต่ที่สังเกตได้ชัดเจนคือ หากแรงดันลมยางของล้อทั้งสี่มีน้อยมากๆ การบังคับควบคุมทิศทางของพวงมาลัยจะเป็นไปอย่างลำบาก จะรู้สึกหนักมาก แม้ว่าจะเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์ พวงมาลัยจะสะบัดตัวไปมา ด้วยแรงดีดตัวจากยางของล้อคู่หน้า การเลี้ยวรถด้วยความเร็วสูงๆ หรือการเลี้ยวรถในมุมเลี้ยวที่แคบมากๆ อาจทำให้ยางบิดตัวหลุดออกมาจากกระทะล้อได้
การฝืนนำรถวิ่งใช้งานไปบนทางเรียบทั้งๆ ที่มีแรงดันลมยางเหลือน้อย ยังอาจทำให้เครื่องยนต์กินกำลัง มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
สรุปแล้วไม่มีอะไรดี หากคุณยังจำเป็นต้องฝืนนำรถวิ่งบนทางเรียบ ทั้งๆ ที่มีแรงดันลมยางเหลืออยู่น้อยกว่าปกติ ทางที่ดีควรรีบประคองรถนำเข้าสถานีบริการน้ำมันเพื่อหาทางเติมแรงดันลมยางใส่กลับเข้าไปโดยเร็ว
ตั้งศูนย์ล้อ
ฉบับที่สองจาก บูรพา พิพัฒน์พงษ์/กทม. มีความรู้สึกไม่ค่อยดีกับปัญหาของช่วงล่าง
ถาม : รถกระบะ โตโยตา ของผม มีช่วงล่างที่หลวมคลอนมาก สังเกตได้จากเวลาวิ่งมีเสียงดัง ไม่ทราบว่าหากปล่อยไว้จะเกิดอันตรายหรือไม่ และมีผลเสียใดๆ กับตัวรถหรือไม่ ?
ตอบ : บ้านเมืองเราถนนส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหลุมและบ่อมากมาย โอกาสที่รถของเราจะวิ่งไปตกหลุมตกบ่อเหล่านี้จนทำให้ชิ้นส่วนช่วงล่างของรถเราหลวมคลอนก็มีโอกาสเป็นไปได้มาก อาการหลวมคลอนของช่วงล่างนั้น เกิดได้ทั้งจากบุชยางหรือลูกหมากที่เป็นจุดหมุนของระบบช่วงล่างตัวใดตัวหนึ่งเกิดฉีกขาดหรือหลุดหาย เท่าที่พบส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาบุชยางฉีกขาดและหลุดหายเสียมากกว่า ส่งผลให้ช่วงล่างหลวมคลอน มุมองศาของช่วงล่างที่รถแต่ละรุ่นกำหนดไว้ก็มีอันต้องผิดไป มุมองศาของช่วงล่างที่ผิดไปนี้เองเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้รถมีความสามารถในการเกาะถนนลดลง และยางยังมีอัตราการสึกหรอที่ผิดปกติ เช่น มีการสึกเป็นบั้งๆ ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็วจะทำให้ตอนรถวิ่งแล้ว ยางจะมีเสียงดังเป็นจังหวะและทำให้ยางสูญเสียคุณสมบัติในการเกาะถนนลงไป
ต้นเหตุของช่วงล่างหลวมคลอนนอกจากจะเกิดจากบุชและลูกหมากแล้ว ยังอาจเกิดจากปีกนกตัวล่างบิดคดงอ หรือแม้แต่แกนแมคเฟอร์สันสตรัทคดงอได้เช่นกัน ในรถกระบะที่ต้องใช้งานเพี่อการบรรทุกสินค้าหนักๆ มากเกินพิกัดที่รถจะรับได้นั้น มุมองศาช่วงล่างที่ถูกเซทไว้ก็จะถูกขืนออกไปอีก บางครั้งอาจมากเกินไปจนทำให้ชิ้นส่วนช่วงล่างเสียหายจากการโอเวอร์โหลดได้ นอกจากนี้การขับที่ขาดสำนึกความรับผิดชอบ เช่น เบรคอย่างรุนแรงหรือออกตัวอย่างกระชาก อาการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ชิ้นส่วนช่วงล่างเสียหายจนเป็นเหตุให้ช่วงล่างเกิดการหลวมคลอนได้เช่นกัน
ทันทีที่ตรวจพบว่าช่วงล่างของรถเรามีเสียงดังจากการหลวมคลอน ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นานเพราะนอกจากจะสร้างเสียงดังรำคาญใจให้กับตัวของคุณแล้ว ยังอาจทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆ เสียหายตามไปอีก เช่น ยาง ระบบบังคับเลี้ยว หรือแม้แต่ระบบเบรค
ไอน้ำในไฟหน้า
ฉบับสุดท้ายจาก ขรรค์ชัย ธนกรชัย/กทม. สงสัยเรื่องของไฟหน้า
ถาม : รถกระบะ มาซดา ของผมเคยขับไปลุยน้ำข้ามลำธารมาหลายครั้งไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เมื่อครั้งล่าสุดนี้พบว่าหลังจากที่ขับไปลุยมา มีหยดน้ำเล็กๆ จับเกาะอยู่ที่ด้านในของเลนส์ไฟหน้าข้างซ้ายจำนวนมาก อยากทราบว่าน้ำเข้าไปในไฟหน้าได้อย่างไร และพอที่จะแก้ไขให้หยดน้ำหายไปได้อย่างไร ?
ตอบ : โดยปกติในการประกอบไฟหน้าของรถทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ทางบริษัทผู้ผลิตไฟหน้าเขาจะมีการทดสอบน้ำรั่ว ( WATER LEAK) กับไฟหน้าทุกชิ้นก่อนที่จะส่งเข้ามาในโรงงานเพื่อการประกอบเข้ากับตัวรถ ทั้งนี้จึงมั่นใจได้ว่ารถทุกคันที่ประกอบออกมานั้นจะมีไฟหน้าที่ไม่มีน้ำรั่วเข้าไปในตัวโคมไฟได้
แต่ในกรณีของคุณเป็นไปได้ว่ากาวฮอทเมลท์ (HOT-MELT) ทื่ทำหน้าที่เชื่อมประสานระหว่างตัวโคมไฟหน้ากับเลนส์ไฟหน้าเกิดการแยกตัวในบางจุด จนเป็นเหตุให้เกิดรูโหว่เป็นช่องว่างให้น้ำแทรกตัวเข้าไปในโคมไฟได้ ซึ่งโอกาสเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้แม้ว่าโคมไฟจะผ่านการตรวจเชคจาก QC ของทางโรงงานมาแล้ว ถ้ารถของคุณยังอยู่ในระยะประกันก็สามารถที่จะนำรถเข้าไปเคลมเปลี่ยนเอาโคมไฟตัวใหม่มาทดแทนได้ แต่ถ้ารถของคุณเลยระยะเวลาการรับประกันไปแล้ว อาจต้องหาอู่ซ่อมไฟหน้าที่มีฝีมือซักหน่อยมาทำการแกะเอากาวฮอทเมลท์เก่าออก แล้วจึงค่อยทำการประสานด้วยกาวฮอทเมลท์ใหม่ใส่กลับเข้าไป หรือถ้าจะให้ชัวร์โดยไม่ต้องไปทำการซ่อมให้ยุ่งยากและเสียเงินเยอะ อาจไปเดินหาโคมไฟหน้ามือสองราคาถูกๆ มาเปลี่ยนใส่แทน โคมไฟเก่าที่เคยมีน้ำเข้าไปข้างในแล้ว แม้ว่าจะซ่อมดีเช่นไร ความใสสะอาดชัดเจนของเลนส์และจานสะท้อนแสงก็อาจจะไม่เหมือนเดิม ส่งผลให้ความสว่างลดต่ำลงไป
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : เทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/12894