พิเศษ
"การที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดีขึ้นไม่ใช่แต่สินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น ยังต้องใส่ใจในเรื่องของพนักงานบริษัท รวมไปถึงการโฆษณาสินค้า คือต้องปรับทั้งหมดเลยก็ว่าได้"
เป็นคำกล่าวของผู้บริหาร บริดจ์สโตน
"การที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดีขึ้นไม่ใช่แต่สินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น ยังต้องใส่ใจในเรื่องของพนักงานบริษัท รวมไปถึงการโฆษณาสินค้า คือต้องปรับทั้งหมดเลยก็ว่าได้"
เป็นคำกล่าวของผู้บริหาร บริดจ์สโตน
4 WHEELS ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ โตโมฮิโกะ โยชิโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เกี่ยวกับนโยบาย และแผนการดำเนินงาน
4 WHEELS : วางนโยบาย และทิศทางการดำเนินงานของ บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ฯ ไว้อย่างไร ?
โตโมฮิโกะ : ผมได้รับมอบหมายเข้ามาประจำที่เมืองไทยตั้งแต่สิงหาคม ปี 2001 จึงได้วางนโยบายใหม่เมื่อต้นปี 2002 จากวิสัยทัศน์ก็ได้เสริมบางสิ่งบางอย่างเข้าไปด้วย 3 ประการคือ ประการแรก เราอยากจะเปลี่ยนแปลง บริษัท ไทยบริดจสโตน ฯ และบริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ฯ จากบริษัทในประเทศให้เป็นบริษัทที่ยอมรับของโลก คือเข้าสู่ระบบสากล การที่จะทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับของโลกได้ ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องของคุณภาพอย่างเดียว หากแต่ต้องเปลี่ยนแปลงในเรื่องของผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้อย่างดีที่สุด รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของทัศนคติของพนักงานในบริษัทซึ่งเป็นบุคลากรที่สำคัญด้วย
ประการต่อมา หากเป็นในระยะยาวก็จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของบริษัทหลายๆ อย่าง ซึ่งการที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดีขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเท่านั้น จริงๆ แล้วต้องมีการปรับในทุกๆ ด้านด้วย เช่น ตัวพนักงานที่อยู่ในบริษัทเอง ผู้แทนจำหน่าย การจัดรูปแบบกิจกรรม รวมถึงการบริการในด้านต่างๆ ด้วย และประการสำคัญที่สุดก็คือ เรามีความประสงค์ที่จะทำให้ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอันดับ 1 ในระหว่างบริดจ์สโตนด้วยกันเองที่ตั้งอยู่ทั่วโลก ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริดจ์สโตน คอร์พอเรชัน มีโรงงานผลิตยางอยู่ 41 แห่ง และจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ ทำให้ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งให้ได้ภายในไม่ช้า โดยต้องตั้งเป้าหมายในการดำเนินงานต่างๆ ให้สูงขึ้น และพยายามให้ถึงเป้าหมายให้ได้
4 WHEELS : ในมุมมองของคุณ ตลาดของยางรถยนต์ในเมืองไทยเป็นอย่างไร ?
โตโมฮิโกะ : ณ เวลานี้ถึงแม้ว่าการทำธุรกิจยางรถยนต์ในประเทศไทยเหมือนค่อนข้างจะลำบาก แต่จริงๆ แล้วถ้าเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ คิดว่าความรุนแรงนั้นคงไม่มาก
แต่ผมกำลังมองถึงอนาคตว่าในช่วงปีหน้าต่างหากที่จะเกิดการแข่งขันจริงๆ ขึ้น เนื่องจากภาษีการนำเข้าได้ปรับตัวลดลง จาก 30 % ในปีที่แล้วเป็น 20 % ในปีนี้ และปีหน้าจะเหลือ 10 % ซึ่งจะทำให้หลายๆ บริษัทที่จำหน่ายยางรถยนต์เกิดการนำเข้ามาแข่งขันในตลาดสูงขึ้น
4 WHEELS : วางช่องทางการตลาดไว้อย่างไรบ้าง ?
โตโมฮิโกะ : นโยบายมีอยู่ว่า เราจะสร้างร้านลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริดจ์สโตน และมีลอยัลลิทีที่สูง เราพยายามจะขยายความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ให้มากยิ่งๆ ขึ้นไป การที่
จะสร้างลูกค้าให้มีความจงรักภักดีกับบริษัท ฯ ในระยะยาวนั้น ก็ต้องมีการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราพร้อมที่จะก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จพร้อมๆ กัน
4 WHEELS : ผลิตภัณฑ์ของบริดจ์สโตนที่ใช้กับรถโฟร์วีลดไรฟ มีอะไรบ้าง ?
โตโมฮิโกะ : ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าปริมาณการใช้ยางสำหรับรถโฟร์วีลดไรฟนั้นเพิ่มขึ้น เราจึงพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ให้เหมาะสมกับประเภท
การใช้งาน ซึ่งบริดจ์สโตนก็มีผลิตภัณฑ์ (PRODUCT) ที่หลากหลายและครอบคลุมในเรื่องยางรถโฟร์วีลดไรฟ ทั้งยางประเภท M/T, A/T และ H/T เป็นต้น
4 WHEELS : สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อบริดจ์สโตนมากน้อยเพียงไร ?
โตโมฮิโกะ : ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้น แต่จริงๆ แล้วมีผลกระทบต่อยอดขายแค่ในระยะสั้นๆ เท่านั้น เพราะยางรถยนต์เป็นสินค้าแตกต่างจากสินค้าบริโภคอุปโภคชนิดอื่นๆ
เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ผู้บริโภคอาจชะลอการซื้อสินค้า แต่ยางรถยนต์เป็นสินค้าจำเป็น เมื่อยางเกิดการเสียหายหรือถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้ว ผู้บริโภคก็จำเป็นต้องซื้อในที่สุด
4 WHEELS : จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ต่างจากคู่แข่งคืออะไร ?
โตโมฮิโกะ : จุดเด่นของยางบริดจ์สโตน เราคำนึงถึงคุณภาพเป็นอันดับแรก บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ฯ มีนโยบายแน่วแน่ที่จะผลิตยางให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด ซึ่งสิ่งที่สามารถพิสูจน์ว่ายางของเราคุณภาพดีและมีมาตรฐานก็คือ ในตลาดโรงงานประกอบรถยนต์ เรามีมาร์เกทแชร์ที่สูงถึง 78 % ทั้งโรงงานประกอบรถยนต์ของญี่ปุ่น และโรงงานประกอบรถยนต์ของยุโรป ซึ่งโรงงานประกอบรถยนต์เหล่านี้จะมีวิศวกรที่มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญเรื่องยาง ซึ่งสามารถยอมรับเราถึง 78 % ก็แสดงว่ายางเราเป็นยางคุณภาพที่ดี อันนี้ก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ของยางบริดจ์สโตน
4 WHEELS : มีแผนโพรโมชันอะไรบ้าง ?
โตโมฮิโกะ : จริงๆ แล้วตลอดเวลา บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ฯ ได้มีกิจกรรมหลายๆ อย่างเพื่อคืนกำไรให้กับสังคม เช่น เรารณณรงค์ในเรื่องเกี่ยวกับ "TIRE SAFETY" ขึ้นมา
ซึ่งเป็นการสร้างความรู้ให้แก่ผู้ใช้ยางรถยนต์ ให้รู้ว่าต้องเลือกใช้ยางรถยนต์อย่างไร และมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่น แนะนำ
การใช้ยางอย่างถูกวิธีเพื่อการประหยัดน้ำมัน เป็นต้น ถือเป็นแคมเปญระยะยาว ที่เป็นความผูกพันระหว่างผู้ใช้กับ บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ฯ
4 WHEELS : สภาวะตลาดในช่วงปีที่ผ่านมาของ บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) ฯ เป็นอย่างไร ?
โตโมฮิโกะ : ความต้องการของยางในท้องตลาดของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นไม่มาก เราสามารถแบ่งยางออกเป็น 2 ประเภทคือ ยางที่ใช้ทั่วๆ ไป เช่น รถเก๋ง เพิ่มประมาณ 2-3 % ถ้ายางที่ใช้
ในเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก รถพิคอัพ ขึ้นมา 4-5 % ซึ่งช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาด คือ ยาง POTENZA G3 เป็นยางสำหรับรถเก๋ง
ซึ่งสามารถเพิ่มมาร์เกทแชร์ให้เราขึ้นประมาณ 2-3 % ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้ความ
ต้องการของท้องตลาดทั้งหมดอาจจะน้อยกว่าปีที่แล้วนิดหน่อย หรืออาจจะใกล้เคียงกันกับปีที่แล้ว
4 WHEELS : แผนรองรับการตลาดในปี '48 ?
โตโมฮิโกะ : ถึงแม้ว่าความต้องการของตลาดยางรถยนต์จะเพิ่มขึ้น 3-4 % เราก็คาดว่าจะสามารถรองรับความต้องการดังกล่าว ซึ่งในส่วนตลาดทดแทน บริดจ์สโตนมีมาร์เกทแชร์
มากกว่า 50 % ประมาณ 52 % โดยเรายังยืนยันที่จะผลิตยางที่มีคุณภาพสูง และเป็นยาง HIGH PERFORMANCE เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด
4 WHEELS : ศูนย์บริการคอคพิท ตอนนี้ได้รับการพัฒนาอย่างไรบ้าง ?
โตโมฮิโกะ : เราต้องการที่จะพัฒนาศูนย์บริการคอคพิทให้สามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้มาใช้บริการ โดยเราไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาโดยการฝึกอบรมพนักงานของคอคพิทในทุกๆ ด้าน ทั้งการต้อนรับ การให้บริการ เพราะความตั้งใจจริงของเรา คือการสร้างศูนย์บริการให้มีการบริการที่ดีที่สุด และเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้
4WHEELS : ศูนย์บริการคอคพิทมีผลกระทบต่อตัวแทนจำหน่ายหรือไม่ อย่างไร ? โตโมฮิโกะ : มีผลอยู่บ้าง แต่เรามีนโยบายอยู่แล้วว่า เราจะต้องศึกษาก่อน ซึ่งเราพยายามจะให้
เกิดผลกระทบต่อลูกค้าเราน้อยที่สุด เช่น การเปิดศูนย์บริการแต่ละสาขาต้องห่างกันเท่าไหร่ เป็นต้น
เรื่องโดย : ถาวร
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/12892