ทั่วไป
-
แลนด์ โรเวอร์
เน้นรายละเอียด ดิสคัฟเวอรี 3
แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี 3 มีสมรรถนะที่โดดเด่นกว่ารุ่นปัจจุบันทั้งบนทางเรียบและทางวิบาก
แถมยังดีกว่า เรนจ์ โรเวอร์ ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ มีการนำเอาเทคโนโลยีเทอร์เรน เรสปอนส์ ที่ใช้ใน เรนจ์ สตอร์เมอร์ คอนเซพท์คาร์ มาใช้กับ ดิสคัฟเวอรี 3 ใหม่นี้ คนขับเพียงแต่เลือกรูปแบบการขับเคลื่อนแบบใดแบบหนึ่งใน 5 แบบ แล้วระบบก็จะเลือกลักษณะการขับเคลื่อนที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการปรับระดับความสูงของตัวถัง, แรงบิดจากเครื่องยนต์, ฮิลล์เดสเซนท์ คอนโทรล, ทแรคชัน คอนโทรล และเลือกใช้ตำแหน่งเกียร์สำหรับการขับเคลื่อนให้โดยอัตโนมัติ
ดิสคัฟเวอรี 3 จะมีดิฟเฟอเรนเชียลลอคทั้งตรงกลางและด้านท้าย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนบนเส้นทางวิบาก ช่วงล่างแบบคอยล์สปริงถุงลมจะมีการปรับระดับความสูงให้เหมาะสมกับรูปแบบการขับเคลื่อน โครงสร้างตัวถังของ ดิสคัฟเวอรี 3 ใหม่ เป็นแบบอินทีเกรท บอดี-เฟรม ซึ่งไม่เคยมีการใช้ในรุ่นใดมาก่อน มีการใช้ความยาวฐานล้อหรือวีลเบสแตกต่างกันสองแบบในพแลทฟอร์มตัวถังเดียวกัน แชสซีส์ใหม่ของ ดิสคัฟเวอรี ใหม่นี้ ยังจะใช้ใน แลนด์ โรเวอร์ รุ่นหน้า รวมถึง เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ท และดีเฟนเดอร์ ใหม่ด้วย
ข้อดีของโครงสร้างตัวถังแบบอินทีเกรด บอดี-เฟรมก็คือ มีระดับ NVH ที่ต่ำกว่าโครงสร้างตัวถังแบบโมโนคอกโดยแยกส่วนของแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างไปยังแชสซีส์ที่แยกต่างหาก ช่วงล่างยังคงเป็นแบบคอยล์สปริงอิสระทั้ง 4 ล้อ ในขณะที่รุ่นลักชัวรี จะเป็นแบบถุงลม ที่สามารถปรับระดับความสูงของช่วงล่างได้
แม้ว่าข้อมูลจะยังไม่เป็นทางการ แต่ก็พอที่จะบอกได้ว่าขุมกำลังของ ดิสคัฟเวอรี ใหม่ มีให้เลือกถึง 3
แบบ เริ่มจากเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ 4.2 ลิตรของ แจกวาร์ และ 4.4 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุดถึง 304 แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ คอมมอนเรล แบบ วี 6 สูบ 2.7 ลิตร ให้แรงบิดที่น่าพอใจถึง 40.7 กก.-ม. เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ในรถ แจกวาร์ เช่นกัน ส่วนเกียร์นั้น มีให้เลือกเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเท่านั้น สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล แบบ วี 6 สูบ จะมีให้เลือกแต่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ดิสคัฟเวอรี 3 จะใหญ่กว่าและหนักกว่ารุ่นปัจจุบัน ในรุ่นฐานล้อยาวจะมีเนื้อที่ภายในที่กว้างขวางมาก
โดยเฉพาะเบาะแถวที่สาม คนตัวใหญ่นั่งได้อย่างสบาย เมื่อพับเบาะแถวที่สองและสามลงแนบกับพื้นจะทำให้มีเนื้อที่สำหรับบรรทุกสัมภาระยาวเกือบ 2 เมตร และยังมีคูเลอร์บอกซ์ติดตั้งไว้ตรงคอนโซลกลาง ดิสคัฟเวอรี ใหม่ ยังคงแบบฉบับตำแหน่งที่นั่งขับแบบ "คอมมานด์" เช่นเดิม
ในรุ่นฐานล้อยาวนั้น ตำแหน่งของล้อจะถูกเลื่อนขึ้นไปใกล้กับมุมของรถ ส่งผลให้มีมุมปะทะ
และมุมจากดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
การออกแบบโฉมหน้าของรถเน้นไฟหน้าแบบทวินพอคเกท ผสมผสานร่วมกับกระจังหน้าแนวนอนหนา
ไฟหน้าจะมีการปรับมุมการส่องสว่างไปตามทางที่วิ่ง ช่วยให้การมองเห็นในยามค่ำคืนเป็นไปอย่างดีเยี่ยม หลังคาด้านบนยังคงเอกลักษณ์แบบขั้นบันไดไว้อยู่ ทำให้ผู้โดยสารที่นั่งตอนหลังมีเนื้อที่เหนือศีรษะมากขึ้น สำหรับฝาท้าย แบ่งการแยกเปิดเป็นแบบบน/ล่าง เพื่อให้การขนถ่ายสัมภาระสะดวกขึ้น ส่วนยางอะไหล่ถูกย้ายไปติดตั้งไว้ที่ใต้พื้นรถ
ยางที่ใช้จะเป็นขนาด 255/55R19 ของกูดเยียร์ รุ่นแรงเลอร์ ส่วนราคาขายยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ
จีพ
เตรียมส่ง แกรนด์ เชอโรคี ใหม่ ลงตลาด
จีพ แกรนด์ เชอโรคี ใหม่ ออกแบบหน้าตาดูดีขึ้น วางเครื่องยนต์ HEMI แบบ วี 8 สูบ 5.7 ลิตร
กำลังสูงสุด 329 แรงม้า ที่ 5,100 รตน. และแรงบิดสูงสุด 51.1 กก.-ม. ที่ 3,500 รตน. ช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อโดยที่ด้านหน้าเป็นแบบคอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบเพลาลอย พร้อมก้านยึดแบบ 5 จุดที่ประกอบไปด้วยแกนควบคุมแบบท่อกลม 4 ก้านและแกนแนวขวางอีก 1 ก้าน ย้ายตำแหน่งแดมเพอร์ใหม่ ให้ตั้งตรงมากขึ้นเพื่อให้การควบคุมทำได้ดีขึ้น ระบบควบคุมบังคับเลี้ยวพัฒนามาใช้แบบฟันเฟืองและตัวหนอนแทนแบบลูกปืนหมุนวนที่ใช้กันมาตั้งแต่ดั้งเดิม แอคทีฟ สเตบิไลเซอร์ บาร์ หรือ
เหล็กกันโคลงที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฮดรอลิค เพื่อให้การขับบนทางเรียบด้วยความเร็วสูงตัวรถมีการยึดเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม แต่เมื่อต้องขับบนทางวิบาก ระบบไฮดรอลิคจะทำการปลดเหล็กกันโคลงออกโดยอัตโนมัติ เพื่อให้การเคลื่อนที่ของล้อเป็นไปอย่างเต็มที่
ที่เหมือนกับรุ่นปัจจุบันอยู่ก็คือ ตัวถังที่มีขนาดใหญ่แต่ภายในยังคงจุผู้โดยสารได้เพียง 5 คน จีพ
แกรนด์ เชอโรคี ใหม่ นี้มีระบบ ELSD (ELECTRONIC LIMITED SLIP DIFFERENTIAL)
ที่ใช้ระบบไฟฟ้าเข้ามาควบคุมชุดคลัทช์ เพื่อตัดต่อการทำงานของระบบดิฟเฟอเรนเชียล เมื่อล้อใดล้อหนึ่งเกิดการหมุนฟรี แตกต่างจากระบบ VARI-LOCK ที่ใช้ระบบ
แรงดันไฮดรอลิคเข้ามาควบคุมการทำงาน
จีพ
เปลี่ยนโฉม เชอโรคี ใหม่
จีพ เชอโรคี ใหม่ โมเดล 2005 โฉมหน้าใหม่หมด ตัวถังภายนอกได้เพิ่มคิ้วขอบกันกระแทกด้านข้างรวมทั้งโป่งโพรงล้อ หรือการ์ดแฟลร์ ส่วนภายในมีการย้ายตำแหน่งสวิทช์ กระจกไฟฟ้าใหม่
แผงหน้าปัดด้านหน้าออกแบบในแนวกราฟิค เบาะนั่งปรับเปลี่ยนให้นั่งสบายขึ้น
นับเป็นครั้งแรกสำหรับ จีพ ที่มีการนำเอาเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.8 CRD มาวางใน เชอโรคี
ใหม่ ฝากระโปรงแบบเรเนเกด ที่ออกแบบให้ราบเรียบขึ้น ผสมผสานกับกระจังหน้าใหม่ที่ออกแบบมาคล้ายคลึงกับรุ่น แรงเลอร์ มาก
เครื่องยนต์เบนซิน แบบแถวเรียง 4 สูบ และแบบ วี 6 สูบ ที่ขายในสหรัฐอเมริกา จะมีใช้กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะใหม่ แทนเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะแบบเก่า ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.8 CRD ที่ขายในตลาดอเมริกัน จะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ จะมีเป็นออพชันให้เลือกสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
มิตซูบิชิ
ซุ่มทดสอบ เอนเดเวอร์ ในแดนออสซี
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ สายเลือด มิตซูบิชิ เอนเดเวอร์ (ENDEAVOR) ใหม่ ถูกแอบถ่ายภาพไว้ได้ในขณะทำการทดสอบในออสเตรเลีย เอนเดเวอร์ ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในสหรัฐอเมริกา เมื่อปีที่แล้ว วางเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ 3.8 ลิตร เป็นขุมกำลังร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ มีโครงสร้างตัวถังแบบโมโนคอก และใช้ช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ
เมื่อได้สอบถามกับ มิตซูบิชิ ในออสเตรเลีย ทำให้ทราบว่า เอนเดเวอร์ ที่เห็นนั้น ทาง มิตซูบิชิ
ออสเตรเลีย สั่งเข้ามาเพื่อให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ทำการทดสอบหาสเปคของชิ้นส่วนที่จะนำมาผลิตในประเทศเอง เพราะรุ่น เอนเดเวอร์ จะถูกนำมาแทนที่รุ่น แมกนา (MAGNA) ที่จะมีอายุขัยสิ้นสุดปลายปี 2549 คาดว่าเมื่อรุ่น เอนเดเวอร์ ถูกนำมาประกอบ จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศหลายรายการเหมือนกับรุ่น แมกนา ที่มีขายก่อนหน้านี้ และเลือกเอาโรงงานที่ทันสลีย์ พาร์ค ในเมืองอเดเลด เป็นที่ประกอบรุ่น เอนเดเวอร์
ด้วยตลาดรถขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ มิตซูบิชิ ตัดสินใจที่จะนำเอารุ่น
เอนเดเวอร์ นี้มากระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น
ANCAP
รายงานผลทดสอบการชน รถ 4x4
โพรแกรมประเมินผลรถใหม่ที่ออกขายในออสเตรเลีย หรือ ANCAP (AUSTRALIAN NEW CAR
ASSESSMENT PROGRAMME) ได้แถลงผลของการทดสอบการชนในรุ่นรถขนาดกลางและขนาดคอมแพคท์ ที่ประกอบในญี่ปุ่นและยุโรป
รถที่ประกอบจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ซูบารุ รุ่น ลิเบอร์ที หรือเอาท์แบค ต่างได้คะแนนในระดับ 5 ดาว
ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนสูงสุดที่รถทุกคันพึงจะกระทำได้ การทดสอบนั้นใช้ขั้นตอนที่ ANCAP กำหนด
และได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิด
ลิเบอร์ที และเอาท์แบค เป็นรถ ซูบารุ ที่ใช้โครงสร้างตัวถังเดียวกัน ได้คะแนนเท่ากันทั้งการทดสอบการชนแบบมีและไม่มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง
สำหรับ ลิเบอร์ที ซีดาน ได้คะแนนในด้านความปลอดภัยต่อผู้เดินเท้าในระดับ 3 ดาว แต่ได้ 5
ดาวในด้านความปลอดภัยต่อผู้โดยสารในตัวรถ
ANCAP ได้ทำการตรวจสอบการทดสอบของ EURONCAP และตีพิมพ์ผลของการทดสอบในรถทุกรุ่นที่มีขายในออสเตรเลีย ทั้ง โวลโว เอกซ์ซี 90 และบีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 ได้คะแนนความปลอดภัยต่อผู้โดยสารในตัวรถในระดับ 5 ดาว
ผลการทดสอบ ANCAP ก่อนหน้านี้ให้คะแนนในระดับ 5 ดาวกับรถ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์
(รุ่นที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านหน้าและข้าง) และระดับ 4 ดาวกับรุ่น ฟอเรสเตอร์ (รุ่นที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านหน้าเท่านั้น) รวมทั้ง ฮอนดา ซีอาร์-วี นิสสัน เอกซ์-ทเรล และฟอร์ด เอสเคพ
NHTSA
ศึกษากรณีรถพลิกคว่ำ
รัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาพบว่า มีรถบางรุ่นที่มีโอกาสไม่ถึง 20 % พลิกคว่ำหลังเกิดการชนกัน นับเป็นการทดสอบการพลิกคว่ำเชิงป้องกัน เป็นครั้งแรก โดยคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งชาติของกระทรวงคมนาคม (NHTSA: NATIONAL HIGHWAY TRAFFIC SAFETY ADMINISTRATION) ได้ทำการทดสอบรถรุ่นต่างๆ ทั้งรถขับเคลื่อน 2 และ 4 ล้อ รวมถึงรถแวกอน เพื่อหาโอกาสความเป็นไปได้ที่รถจะพลิกคว่ำในช่วงความเร็วต่างๆ
NHTSA ควบคุมวงเลี้ยวของรถ โดยใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมระบบบังคับเลี้ยวในรถแต่ละคัน เพื่อหาเสถียรภาพของรถในระหว่างการทดสอบ ทั้งนี้ปัจจัยในด้านความกว้างของฐานล้อและจุดศูนย์ถ่วง (CG) ของรถมีส่วนสำคัญต่อการพลิกคว่ำของรถ
รถทั้ง 28 คันที่ถูกนำมาทดสอบ ไม่มีคันใดที่ได้คะแนนถึงระดับ 5 ดาว หรือมีโอกาสพลิกคว่ำไม่ถึง 10
% แม้แต่ โวลโว เอกซ์ซี 90 และซูบารุ เอาท์แบค ยังทำได้แค่ 4 ดาวเท่านั้น เพราะมีโอกาสพลิกคว่ำอยู่ในช่วง 10-20 % ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมีเพียง ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์ เท่านั้นที่ทำคะแนนได้ในระดับ 2 ดาวหรือมีโอกาสพลิกคว่ำ ประมาณ 30-40 %
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/12685