พิเศษ
-
ในช่วงตลอดทั้งปี '46
ตลาดรถยนต์ในกลุ่มรถเก๋งและรถพิคอัพมีความคึกคักเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้
ขณะที่ตลาดรถยนต์บางกลุ่มที่เคยคาดหมายกันว่าจะโตจนมากินส่วนแบ่งตลาดรถเก๋ง เช่น
กลุ่มรถประเภท
ขับเคลื่อนสี่ล้อ ไม่ว่าจะเป็นรถเอสยูวี รถพิคอัพ 4x4 ตลอดจนรถอเนกประสงค์หรือเอมพีวี
กลับทำท่าไม่สดใสย่างที่คิด สังเกตได้จากยอดการจำหน่ายที่มีการหดตัวอย่างต่อเนื่อง
ทำให้บรรดาค่ายรถต่างต้องพลิกตำราหา
กลยุทธ์ใหม่กันยกใหญ่ บางค่ายอาศัยการลดแลกแจกแถม
และก็มีไม่น้อยอาศัยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง
ต่อเนื่อง หวังจะใช้ความสดใหม่ของสินค้า มาดึงดูดใจผู้บริโภค ซึ่งจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน
คงต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งทีมงาน 4 WHEELS ได้ไปรวบรวมข้อมูลรถทั้งที่เปิดตัวไปแล้ว
และคาดว่าจะเปิดตัวในบ้านเราเร็วๆ นี้มาแนะนำให้รู้จักกัน
1. มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ เอกซ์แอลเอส (MITSUBISHI OUTLANDER XLS)
มิตซูบิชิ แนะนำ เอาท์แลนเดอร์ (OUTLANDER) รถเอสยูวี 5 ประตู 5 ที่นั่ง
ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความ
สมบุกสมบัน และความสารพัดประโยชน์ ด้วยอุปกรณ์ที่ให้มาอย่างครบครัน
ไม่ว่าจะเป็นราวกั้นบนหลังคา
ขนาดใหญ่รับน้ำหนักได้มากเป็นพิเศษ ช่องซันรูฟ ไฟตัดหมอก สปอยเลอร์ท้ายพร้อมไฟเบรค
ภายในออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ตรงกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเพื่อการโดยสาร
หรือการบรรทุกสัมภาระอย่างเต็มรูปแบบ ที่นั่งคนขับปรับเปลี่ยนได้ถึง 10 แบบ
เบาะหลังสามารถแยกพับเก็บ และยังมีตาข่าย
คลุมสัมภาระมาให้พร้อมสรรพอีกด้วย
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ความจุ 2,400 ซีซี ให้กำลัง 140 แรงม้า และแรงบิดขนาด 21.7
กก.-ม. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบฟูลล์ไทม์ พร้อมลิมิเทด สลิพ และเซนเตอร์ ดิฟเฟอเรนเชียล
กระจายแรงบิดไปยังล้อ
หน้า/หลัง 50:50 ระบบรองรับแบบอิสระ คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ
ระบบเบรคแบบหน้าจาน
หลังดุม ทำงานร่วมกับระบบเอบีเอส แบบมัลทิโหมด เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
2. ฮอนดา ออดิสซีย์ (NEW HONDA ODYSSEY)
ฮอนดา เปิดตัว ออดิสซีย์ (ODYSSEY) ใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว ที่ผ่านมา
การกลับมาคราวนี้ ฮอนดา ใส่ความเป็นสปอร์ทลงไปมากขึ้น เพื่อลบภาพลักษณ์เก่าๆ
ที่หลายคนยังคิดว่าเป็นรถสำหรับเดินทางแบบครอบครัวเท่านั้น
ด้วยการออกแบบใหม่โดยลดความสูงโดยรวมของตัวถังลงเหลือเพียง 1,550 มม.
ไฟหน้าทรงแนวนอนรับกับกระจังหน้าลายรังผึ้งคาดด้วยแถบโครเมียม
ภายในโดดเด่นด้วยการจัดวางที่นั่งสามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 7 ที่นั่ง
นอกจากนี้ที่นั่งตอนหลังยังสามารถพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อีกด้วย
ขุมพลังเบนซินขนาด 2.4 ลิตร I-VTEC ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 22.2
กก.-ม. ที่ 4,500 รตน. ส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบอัตราทดแปรผัน หรือซีวีที
ให้การเปลี่ยนเกียร์
ที่ราบเรียบไร้อาการกระตุก ระบบรองรับแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ
ระบบเบรคแบบจาน
ทั้งหน้าและหลัง พร้อมล้ออัลลอย และยางขนาด 215/60 R16 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในประเทศญี่ปุ่น
ฮอนดา ตั้งราคา ออดิสซีย์ ใหม่ ไว้ที่ 2,750,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 990,000 บาท
3. มิตซูบิชิ สตราดา สปอร์ท มาสเตอร์ (MISUBISHI STRADA SPORT MASTER)
มิตซูบิชิ ส่ง สตราดา สปอร์ท มาสเตอร์ (STRADA SPORT MASTER) กระบะเวอร์ชันพิเศษ
มาพร้อมกับ อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกที่เข้ากันอย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็น หน้ากระจังลายใหม่สีเดียวกับตัวรถ
สปอยเลอร์
หน้าใต้กันชน สเกิร์ทข้าง ชุดโป่งซุ้มล้อ 6 ชิ้น และบ่งบอกถึงความเป็นสปอร์ทด้วยสติคเกอร์ SPORT
MASTER ที่ท้ายกระบะด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ภายในเพียบพร้อมหรูหราสไตล์เก๋งสปอร์ทชั้นดี ตั้งแต่เบาะนั่งคู่หน้า
พวงมาลัยและหัวเกียร์ หุ้มหนังแท้พร้อมปักโลโก SPORT MASTER
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2,800 ซีซี รหัส 4M40 ระบบห้องเผาไหม้ออกแบบให้มีห้องเผาไหม้ช่วย
(SWIRL CHAMBER) จึงทำให้เผาไหม้หมดจด ระบบเพลาถ่วงสมดุล
และเพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อลื่นด้วยระบบ
ออยล์ เจท สเปรย์ (OIL JET SPRAY) ให้กำลังสูงสุด 101 แรงม้า ที่ 4,000 รตน.
และแรงบิด 20.2 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน.
ระบบรองรับด้านหน้าอิสระ ปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน
พร้อมชอคอับไขว้ และแกนยึดที่แข็งแรงกว่า ระบบเบรคมีวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรคตามน้ำหนักบรรทุก
LSPV (LOAD SENSING PROPORTIONING VALVE)
ปรับแรงดันน้ำมันเบรคสำหรับล้อหลังให้เหมาะสมกับ
น้ำหนักบรรทุก หม้อลมเบรคขนาด 9 นิ้ว ช่วยผ่อนแรงในการเบรคที่เพียงพอต่อการใช้งาน
4. โตโยตา ไฮลักซ์ ไทเกอร์ เอกซ์ทราแคบ 4WD (TOYOTA HILUX TIGER X-TRA CAB 4WD)
โตโยตา เอาใจคอกระบะอีกครั้งด้วยการส่ง ไฮลักซ์ ไทเกอร์ เอกซ์ทราแคบ 4WD (HILUX TIGER X-
TRA CAB 4WD) ในรูปลักษณ์ใหม่ ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษเพิ่มอีกหลายรายการ
เพิ่มสเกิร์ทข้างในรุ่นขับเคลื่อน
2 ล้อ ไฟเลี้ยวด้านข้างเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีขาวใส พร้อมสติคเกอร์โลโกดีไซจ์นใหม่
ห้องโดยสารใช้โทน
สีครีมเสริมเมทัลลิค เพื่อเพิ่มความทันสมัย พร้อมไฟส่องแผนที่ กระจกหน้าต่างปรับขึ้น/ลงด้วยไฟฟ้า
เซนทรัลลอค และพวงมาลัยเพาเวอร์
ขุมพลังมีสองทางเลือก ทั้งสองรุ่นใช้ระบบจ่ายน้ำมันแบบคอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เหมือนกัน
คือ เครื่องยนต์รหัส 1KD-FTV ความจุ 2,982 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 125 แรงม้า ที่ 3,000 รตน.
และแรงบิดสูงสุด
32.1 กก.-ม. ที่มีให้ใช้ตั้งแต่ 1,800 รตน. ไปจนถึง 2,600 รตน. และเครื่องยนต์ 2KD-FTV ความจุ
2,494 ซีซี
ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 3,600 รตน. และแรงบิดสูงสุด 26.5 กก.-ม. ตั้งแต่ 1,600-2,400 รตน.
ในรุ่น
ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 20.4 กก.-ม. ที่ 1,400-3,200 รตน.
ระบบรองรับด้านหน้าแบบปีกนกคู่ ทำงานร่วมกับทอร์ชันบาร์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ส่วนด้านหลังยังคงเป็น
รูปแบบคานแข็ง แหนบ และชอคอับติดตั้งทแยงมุม พร้อมเฟืองท้ายแบบลิมิเทด สลิพ
ระบบห้ามล้อเป็นแบบ
หน้าจาน หลังดุม พร้อมระบบเอบีเอส แบบ 4 เซนเซอร์ ทำงานร่วมกับ จี-เซนเซอร์
ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
32 บิท ป้องกันไม่ให้ล้อลอค จนสูญเสียการทรงตัว
5. มาซดา ไฟเตอร์ เอสอี-เอส (MAZDA FIGHTER SE-S)
ไฟเตอร์ (FIGHTER)ใหม่ ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นทั้งความสะดวกสบาย ความแข็งแกร่ง
รวมทั้งระบบความ
ปลอดภัย ภายนอกยังคงเอกลักษณ์กระจังหน้าแบบ 5 เหลี่ยม พร้อมคิ้วโครเมียม และโลโก มาซดา
ขนาดใหญ่
ด้านหน้า สเกิร์ทสไตล์สปอร์ทและชุดสติคเกอร์ SE-S รอบคัน ไฟหน้าแบบมัลทิรีเฟลคเตอร์
เสริมความปลอดภัย
ด้วยไฟตัดหมอกหน้าเข้าชุดกับไฟเลี้ยวข้างเปลี่ยนเป็นสีขาวตามสมัยนิยม
แผงคอนโซลหน้า แผงหน้าปัดวิทยุ และมือจับเปิดประตู เป็นสีโครเมียม
ช่วยให้บริเวณคอนโซลหน้าดูสว่างขึ้น กุญแจนิรภัย อิมโมบิไลเซอร์
พร้อมรีโมทคอนโทรลและสัญญาณกันขโมย ปกป้องรถจากการถูกโจรกรรม
ระบบบานเปิดแคบซ้ายและขวาเปิดได้ถึง 90 องศา เมื่อเปิดพร้อมกับประตูหน้า
จะทำให้มีพื้นที่เข้าออกห้อง
โดยสารกว้างถึง 1.5 เมตร
ขุมพลัง ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รหัส WLT ขนาด 2,500 ซีซี โอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ เทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์
12 วาล์ว
ให้กำลัง 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ระบบรองรับชอคอับแกส
พร้อมวาล์วควบคุมแรงดันและบุชยางประสิทธิภาพสูง ระบบเบรคหน้าจาน หลังดุม
ทำงานร่วมกับระบบเบรคป้องกันล้อลอค 4 ล้อ แบบ
4 เซนเซอร์ ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรค EBD และ LSPV
6. ซังยง เรกซ์ทัน (SSANGYONG REXTON)
รูปทรงภายนอกของ เรกซ์ทัน (REXTON)
มีแนวเส้นสายที่ล้ำสมัยด้วยชุดโคมไฟหน้าแบบมัลทิรีเฟลคเตอร์
แนวฝากระโปรงหน้า ลาดต่ำลู่ลม แก้มบังโคลนหน้า/หลัง พร้อมซุ้มบังโคลนล้อขนาดใหญ่
กระจกมองข้าง
ทรงแอโรสีเดียวกับตัวถัง เสาท้ายขนาดใหญ่ออกแบบเฉียงไปด้านหลัง
ระบบอำนวยความสะดวกครบครัน ระบบปรับอากาศ AUTOMATIC CLIMATE CONTROL
พร้อมช่อง
ระบายอากาศบริเวณคอนโซลกลาง เครื่องเล่นวิทยุ/เทป ซีดี ขนาด 2 DIN
สามารถควบคุมได้จากปุ่มบริเวณ
พวงมาลัย เบาะที่นั่งทั้ง 7 ตำแหน่ง หุ้มด้วยหนังแท้
เบาะโดยสารตอนกลางสามารถปรับได้อเนกประสงค์
ตามรูปแบบของการใช้งาน
ด้านขุมพลัง มีสองทางเลือกตามลักษณะการใช้งาน คือ รุ่น RX320 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 3,199
ซีซี
6 สูบ 24 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า ที่ 6,100 รตน. และแรงบิดสูงสุด 31.8 กก.-ม. ที่ 4,600 รตน.
กับรุ่น RX290 เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2,874 ซีซี 5 สูบ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 4,000
รตน.
และแรงบิดขนาด 26.1 กก.-ม. ที่ 2,250 รตน. ระบบถ่ายทอดกำลังแบบพาร์ทไทม์ 4WD ในรุ่น RX290
ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยการกดสวิทช์ควบคุมบริเวณคอนโซลหน้า ส่วนในรุ่น
RX320
ใช้ระบบถ่ายทอดกำลังแบบ 4 ล้อ ฟูลล์ไทม์ พร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์ อัตราทดต่ำถึง 2.483:1
7. เกีย เค 2700 (KIA K2700)
ด้วยตัวถังภายนอกของ เค 2700 (K2700) ออกแบบคล้ายเก๋ง
โคมไฟหน้ามัลทิรีเฟลคเตอร์แบบดวงเดียวตัดกับ
ขอบสีดำ ให้ความรู้สึกเข้ม ดุดัน ได้มากพอสมควร
พร้อมไฟเลี้ยวคู่หน้าที่ติดตั้งทางด้านล่างของชุดโคมไฟหน้า
สามารถมองเห็นชัดเจนทั้งจากด้านหน้าและด้านข้าง
ช่องรับลมบริเวณกระจังหน้าและกันชนขนาดใหญ่
รับลมไประบายความร้อนเครื่องยนต์ได้ดี ลดความร้อนสะสมเมื่อต้องเดินทางไกล
กระบะท้ายรับน้ำหนักได้
มากด้วยแชสซีส์แบบโครงเหล็กลอครับแรงรูปตัวซี พื้นที่บรรทุกเป็นโครงสร้างเหล็กกล้าพับขึ้นรูป
ไม่มีซุ้มล้อ
ทำให้สามารถบรรทุกสิ่งของได้มากขึ้น
ห้องโดยสารเน้นความทันสมัย แผงหน้าปัดมาตรวัดใช้สีฟ้าสดใส พวงมาลัยเพาเวอร์ปรับระดับได้
สะดวกเบาแรง
เมื่อขับขี่ในเมือง เบาะนั่งปรับเอียงได้อย่างอิสระ ระบบปรับอากาศติดตั้งจากโรงงานใช้งานง่าย
พร้อมที่เท้าแขน
หลังเบาะ สามารถพับลงมาเป็นที่วางแก้วน้ำและเก็บของกระจุกกระจิก
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง OHV ขนาด 2,665 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 4,150
รตน.
และแรงบิด 17.5 กก.-ม. ที่ 2,400 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราทดเฟืองท้าย 4.444
ระบบรองรับ
ด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน ทอร์ชันบาร์ ด้านหลังแหนบ พร้อมชอคอับ ระบบเบรคหน้าจาน หลังดุม
ขนาดใหญ่พิเศษ ระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
8. เกีย โซเรนโต (KIA SORENTO)
เกีย เปิดตัวเอสยูวีรุ่นใหม่ ในชื่อของ "โซเรนโต" (SORENTO) ซึ่งเป็นรถขนาด 5 ที่นั่ง
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
วี 6 ความจุ 3.5 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล ระบบคอมมอนเรล ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความประหยัด
รูปทรงของ โซเรนโต มีเส้นสายคมโค้งมนกลมกลืน ชุดไฟหน้าและสัญลักษณ์ใหม่ของ เกีย
ดูสวยงามและลงตัว
มากขึ้น กันชนหน้าขนาดใหญ่ ฝังสปอทไลท์ทรงกลม
ฝากระโปรงหน้าออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวกับกระจังหน้า
กราบข้างและคิ้วกันกระแทกขนาดใหญ่ ฝาท้ายเป็นแบบชิ้นเดียวเปิดขึ้นด้านบน
และสามารถเปิดเฉพาะ
กระจกหลังได้
แดชบอร์ดหน้าตาทันสมัย มาตรวัดแบบทรงกลม ใช้ตัวเลขสีขาวบนพื้นสีดำมองเห็นชัดเจน
พวงมาลัยแบบสี่ก้าน ตกแต่งบางส่วนด้วยลายไม้ หรืออลูมิเนียม ที่ก้านของพวงมาลัย
มีสวิทช์ควบคุมการทำงานเครื่องเสียง หลังคา
ติดตั้งมัลทิมิเตอร์ บอกข้อมูลการเดินทางที่สำคัญ เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับได้ถึง 8 ทิศทาง ส่วนเบาะหลัง
สามารถ
แยกพับหรือพับเก็บทั้งหมดแนบกับพื้นรถ เพื่อเพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระ
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 3,800 รตน.
และให้
แรงบิดสูงสุดถึง 32.0 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. เครื่องรุ่นนี้มีแรงบิดสูงกว่าเครื่อง 3.5 ลิตร เบนซิน
ระบบรองรับ
ด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริงพร้อมชอคอับแกส เหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5
ลิงค์
พร้อมคอยล์สปริงและชอคอับแกส เหล็กกันโคลง ระบบห้ามล้อหน้า/หลัง เป็นแบบจาน
พร้อมครีบระบาย
ความร้อน ด้านหน้าใช้คาลิเพอร์แบบ 2 ลูกสูบ มีระบบเอบีเอสมาคอยควบคุมการทำงาน
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
9. เชฟโรเลต์ โคโลราโด (CHEVROLET COLORADO)
เชฟโรเลต์ โคโลราโด (COLORADO) หนึ่งในตระกูลกระบะจากค่ายจีเอม ที่มาพร้อมรูปทรงบึกบึน
ด้านหน้า
กระจังหน้าแบบตาข่ายสีดำเข้มขนาดใหญ่ทรงสองชั้น ติดสัญลักษณ์ "โบว์ไท" ของ เชฟโรเลต์
เพื่อบอกให้
รู้ว่าเป็นพิคอัพพันธุ์แกร่งเชื้อสายอเมริกันขนานแท้ ภายในตกแต่งด้วยสีเงินเมทัลลิค
เรือนไมล์และมาตรวัด
ทรงกลม ตัวเลขสีขาวบนพื้นดำคอนโซลหน้า พร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
พวงมาลัยสี่ก้าน
ปรับระดับสูง/ต่ำได้ เบาะนั่งผ้าขนาดใหญ่เล่นลวดลายหลากสี
เครื่องยนต์ตระกูล VORTEC 2 รุ่น 2 ขนาด คือ 2.8 ลิตร 4 สูบแถวเรียง OHV ให้กำลังสูงสุด 177
แรงม้า ที่
5,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 2,800 รตน. และขนาด 3.5 ลิตร 5 สูบแถวเรียง OHV
ให้กำลังสูงสุด
223 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. และแรงบิดสูงสุด 31.1 กก.-ม. ที่ 2,800 รตน.
ส่งกำลังสู่ล้อทั้งสี่แบบพาร์ทไทม์
พร้อมระบบลอคเฟืองท้ายโดยอัตโนมัติเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี
การออกแบบโดยรวม โคโลราโด มีความน่าสนใจทั้งรูปร่างหน้าตา และการตกแต่งห้องโดยสาร ถ้า
เชฟโรเลต์
นำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย
เชื่อแน่ว่าจะสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากนักเล่นรถกระบะบ้านเราได้ไม่ยาก
เรื่องโดย : สิทธิพงศ์ วิยาภรณ์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มกราคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/12346