คดีความของเราเป็นเรื่องของการขับรถประมาทในจุดที่การจราจรคับคั่ง ประชาชนสัญจรไปมาจำนวนมากแล้วไม่ระวัง
ทะลึ่งแซงรถโดยสารอีกต่างหาก เลยมองไม่เห็นคนเดินข้ามถนน ไปชนเขาล้มลง ล้อรถทับขา จนต้องตัดขาทิ้งไปข้างหนึ่ง เรื่องถึงศาล
ดูทีหรือว่าจะเรียกร้องอะไรได้มั่ง
"นายโหลย" เป็นลูกจ้างของ "นายโท่ย" วันเกิดเหตุขับรถบรรทุกหกล้อไปในตัวเมือง ย่านชุมชนคนพลุกพล่าน
ขณะนั้นมีรถเมล์จอดอยู่ข้างทาง นายโหลยขับรถแบบโหลยโท่ย ไม่ระมัดระวัง ขับแซงขึ้นไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ
จังหวะนั้นเอง "ดช. เดี่ยว" กำลังเดินข้ามถนน ผ่านหน้ารถเมล์ จ๊ะเอ๋กับรถบรรทุกที่นายโหลยแซงขึ้นมา รถเฉี่ยวชนดช. เดี่ยว ล้มลง
ล้อรถทับขาข้างซ้ายใต้เข่าลงมา เสียงงี้ดัง กรอบ..!
แพทย์ต้องจำใจตัดขาข้างที่โดนรถทับใต้เข่าลงมา เล่นเอาพ่อแม่ญาติพี่น้องของ ดช. เดี่ยว ร้องโฮด้วยความเสียใจ โทษกันให้ขรมว่า
"แกไม่น่าตั้งชื่อมันว่าไอ้เดี่ยว เห็นไหมๆ มันเลยมีขาเดียวไม่สมประกอบละซิทีนี้"
ตามธรรมดาของคนบ้านเรา ไม่มีใครยอมรับผิดง่ายๆ โกงวัวโกงควายอยู่โต้งๆ
ก็ช่วยกันกลบเกลื่อนกลายเป็นไม่มีความผิดไม่โกงซะงั้นแหละ นายโหลยกับนายโท่ยก็ไม่แอ่นอกรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายแก่ ดช. เดี่ยว
ก่อนครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันเกิดเหตุ ดช. เดี่ยว จึงต้องตั้งตัวเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโหลยกับนายโท่ย เรียกค่าเสียหาย
เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าขาเทียมที่ใส่ในตอนนี้ และค่าขาเทียมอีก 7 ชุด ที่ต้องเปลี่ยนไปตามอายุจนกว่าจะเป็นผู้ใหญ่
รวมแล้วเป็นเงินก้อนหนึ่ง โดยคำนึงถึงฐานานุรูป
นายโหลยผู้เป็นคนขับรถไม่อนาทรร้อนใจที่จะสู้คดี นอนเกาสะดืออยู่ที่บ้าน แพ้ชนะไม่สน เพราะไม่มีอะไรติดตัว
นายโท่ยผู้เป็นเจ้าของรถและนายจ้างเดือดร้อน หาทนายสู้คดี ให้การว่า ดช. เดี่ยว ไม่มีอำนาจฟ้องนายโท่ย
เนื่องจากนายโท่ยไม่ได้จ้างวานนายโหลยขับรถ นายโหลยไม่ได้ขับรถประมาท ดช. เดี่ยวต่างหากที่ประมาท
ตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด ค่าเสียหายแค่จิ๊บจ๊อย อย่างมากจ่ายไม่เกินสองหมื่นกว่าบาท ขอให้ยกฟ้อง
เห็นการต่อสู้คดีแล้วน่าเขกกบาลนายโท่ยน้อยอยู่หรือ ขาขาดทั้งที ใจคอจะจ่ายค่าเสียหายไม่เกินสองหมื่นกว่าบาท
แบบนี้ต้องจับตัวนายโท่ยมาตัดขาข้างหนึ่งทิ้ง ใส่ขาเทียม แล้วจ่ายเงินให้สองหมื่นกว่าบาท ดูซิว่าจะเอาไหม
พับผ่าซิเอ้า !
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว จ่ายค่าเสียหายรวมแล้วน้อยกว่าที่ ดช. เดี่ยว เรียกร้องประมาณ 1 ใน 3 ได้ไป 2 ใน 3 ของที่ฟ้องมา
พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์คือ ดช. เดี่ยว และพ่อแม่ของเขาคงพอใจแค่นั้น ไม่อุทธรณ์ฎีกา
ส่วนจำเลยคือนายโท่ย เถ้าแก่เจ้าของรถบรรทุกยังแสดงความเห็นแก่ตัว ยื่นอุทธรณ์เพื่อปัดความรับผิด อ้างด้วยว่ามีใบเสร็จ
อ้างเหมือนรัฐบาลทุกรัฐบาลเปี๊ยบเลย ดช. เดี่ยว ไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง พ่อแม่ของ ดช. เดี่ยว เบิกได้
นายโท่ยจึงไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ค่าขาเทียมที่ ดช. เดี่ยว ต้องเปลี่ยนในอนาคตจนกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ก็เป็นเรื่องไกลตัว
เรียกร้องค่าเสียหายส่วนนี้ไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
นายโท่ยยังเหนียวยังใจจืดใจดำ ไม่ยอมจ่าย ยื่นฎีกาขึ้นไป เกี่ยงงอนไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาล ไม่จ่ายค่าขาเทียมเช่นเคย
ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้ด้วยความเซ็ง แล้วชี้ขาดออกมาอย่างเซ็งๆ ดังนี้
ได้ความว่านายโหลย ลูกจ้างของนายโท่ยไม่หยุดรถให้คนเดินข้ามถนนพ้นไปเสียก่อน ทะลึ่งแซงรถเมล์ที่จอดอยู่ จึงเฉี่ยวชนและทับขา
ดช. เดี่ยว เหตุเกิดจากความประมาทของนายโหลยล้วนๆ อย่ามาเถียงซะให้ยาก
ส่วนค่ารักษาพยาบาลปรากฏว่า ดช. เดี่ยว เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจริง แม้ไม่มีใบเสร็จมาแสดง
ศาลก็กำหนดให้ได้ตามพฤติการณ์และความร้ายแรง ขณะเดียวกันแม้ ดช. เดี่ยว จะไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง สิทธิของ ดช. เดี่ยว
ผู้ถูกละเมิดในการเรียกร้องจากนายโหลยก็ไม่ระงับไป
สำหรับค่าขาเทียมที่ ดช. เดี่ยว ต้องใช้อีก 7 ชุดจนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่สามารถเดินและประกอบอาชีพได้ ศาลแทงลงมาว่า
เรียกร้องจากนายโหลยและนายโท่ยได้ ถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน
สรุปแล้วศาลล่างตัดสินมาเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน
การขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นที่จอดอยู่เป็นเรื่องต้องระวัง เกิดเหตุเฉี่ยวชนคนเดินข้ามถนนมานักต่อนักแล้ว หน้าเหลืองมานักแล้ว
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจและน่าจดจำไว้คือ เมื่อทำให้เขาบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการรักษา แม้ไม่มีใบเสร็จค่ารักษา เขาไม่ได้จ่ายค่ารักษาเอง
หรือเบิกได้จากหน่วยงาน คนทำละเมิดก็ต้องจ่ายอยู่ดี
ประการสุดท้ายการทำให้เขาขาขาด เขาต้องใช้ขาเทียม ต้องเปลี่ยนในอนาคตอีกหลายๆ ชุด
ศาลก็ตัดสินให้ผู้รับผิดต้องจ่ายขาเทียมให้เขาด้วย ถือว่าเป็นค่าเสียหายที่มิใช่ตัวเงินโดยตรง แต่คิดออกมาเป็นเงินได้ ดังเช่นคดีนี้แล
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2534
คดีรถ ตีพิมพ์ใน 4 wheels ส่งไป ๒๑ ธค. ๔๕
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2546
คอลัมน์ Online : คอลัมน์ประจำ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/11883