ตำนานความแกร่ง ที่สืบทอดสู่อนาคต

ความโด่งดังของพิคอัพ ฟอร์ด ตระกูล เอฟ (F-SERIES) เริ่มขึ้นเมื่อ ปี 1948 ด้วย เอฟ-1 พิคอัพขนาดครึ่งตัน เอฟ-2 ขนาด 3/4 ตัน และ เอฟ-3 ขนาดเฮวีดิวที ซึ่งทั้งหมด ออกมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการ ด้วยรูปทรงที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่ง พร้อมกระจกหน้าแบบชิ้นเดียว ซึ่งในสมัยนั้น มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อที่ใช้กระจกแบบนี้ และที่ขาดไม่ได้ก็คือแคบ (CAB) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ ฟอร์ด ตั้งแต่ยุคนั้นจวบจนปัจจุบัน เอฟ-ซีรีส์ ผู้สืบสานความแกร่งสู่ปัจจุบัน พิคอัพตระกูล เอฟ ยังคงผลิตออกขายอย่างต่อเนื่องจนถึง ปี 1952 ในระหว่างนั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อความสวยงาม เช่น รูปแบบกระจังหน้าที่แตกต่างกัน พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพกลไกต่างๆ เช่น ระบบจุดระเบิดที่สามารถกันน้ำได้ เพื่อให้ เอฟ-ซีรีส์ มีสมรรถนะที่ดีขึ้น นอกจากการพัฒนาด้านรูปทรงแล้ว ฟอร์ด ยังนำเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ ในช่วง ปี 1953-1956 เอฟ-ซีรีส์ ได้ขุมพลังที่ให้กำลังสูงสุดถึง 137 แรงม้า ต่อจากนั้น ในปี 1959 ก็มีเครื่องยนต์ วี 8 ขนาด 186 แรงม้า มาให้ใช้กัน พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และการตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน ปี 1975 เปิดตัว "เอฟ-150" (F-150) รุ่นแรก พิคอัพที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ ฟอร์ด ด้วยการกวาดยอดจำหน่ายไปกว่า 225,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น หลังจากนั้น ยังคงปรับปรุง เอฟ-ซีรีส์ อยู่ตลอดเวลา จนขายดิบขายดีและเป็นที่กล่าวขวัญขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 1980 ก็เปิดศักราชใหม่ด้วยการนำ เอฟ-ซีรีส์ ที่มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ออกมาสร้างความฮือฮา พร้อมแนะนำรุ่น "ซูเพอร์แคบ" (SUPERCAB) ที่ยืดขนาดห้องโดยสารให้ยาวขึ้น จนได้พื้นที่วางขามากขึ้นตามไปด้วย ฟอร์ด ก้าวสู่ความเป็นผู้นำอีกครั้ง ในปี 1987 ด้วยการนำเอาระบบป้องกันล้อลอค (ABS) มาใช้กับเบรคหลัง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ค่ายนี้เอาใจใส่ในเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นพิเศษ ซึ่งถือเป็นรายแรกที่ให้เอบีเอสมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ต่อจากนั้น ในปี 1988 ก็มีรุ่น ครูว์แคบ แบบใหม่ ด้วยฐานล้อที่สั้นลง พร้อมด้วยเครื่องยนต์หัวฉีด วี 8 ความจุ 5.0 ลิตร กำลังสูงสุด 185 แรงม้า และเครื่องยนต์ขนาด 5.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดกว่า 200 แรงม้า นอกจากนั้น ยังมีเครื่องดีเซล วี 8 ขนาด 7.3 ลิตร 180 แรงม้า ให้เลือกอีกด้วย เอฟ-150 จุดเริ่มต้นของ "แคบเปิดได้" หลังจาก เอฟ-ซีรีส์ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ปี 1989 นำเอาระบบฮับลอคอัตโนมัติมาใช้ใน "เอฟ-150" จนได้รับความนิยมล้นหลาม ในปี 1992 ฟอร์ด ก็นำ "เอฟ-150" รุ่นใหม่ออกมาปรากฏโฉมต่อสาธารณชน การปรับปรุงในเรื่องความปลอดภัย เริ่มขึ้นอีกครั้งในปี 1994 ด้วยการนำถุงลมนิรภัยมาใช้กับพิคอัพ พร้อมด้วยคานกันกระแทกด้านข้าง และไฟเบรคดวงที่สาม เพื่อให้ เอฟ-ซีรีส์ กลายเป็น "กระบะนิรภัยตัวจริง" ในปี 1998 ฟอร์ด สร้างความแตกต่างให้กับพิคอัพ เอฟ-150 ใหม่ ด้วยการเสนอนวัตกรรมในรูปแบบ "แคบเปิดได้" ในโมเดล เอฟ-150 และ เอฟ-250 ซูเพอร์แคบ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของพิคอัพอเมริกัน ที่ใช้แคบรูปแบบนี้ แน่นอนว่า ผู้คนต่างหันมาให้ความสนใจคับคั่ง จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า "แคบเปิดได้" มีจุดประสงค์ให้ผู้ใช้ ได้ประโยชน์สูงสุดจากห้องโดยสาร การเคลื่อนย้ายสัมภาระเข้า/ออก จะง่ายดายขึ้น ต่างจากเดิมที่ห้องโดยสารในแคบ ใช้ประโยชน์ได้เพียงแค่เก็บกระเป๋าเอกสาร และหากต้องการขนสัมภาระขนาดใหญ่ ก็ต้องยุ่งยากในการพับเบาะ เอฟ-150 ยังคงมีจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบัน โดยโมเดลปี 2003 มีเครื่องยนต์ 3 ขนาดด้วยกันคือ 4.2 ลิตร วี 6 กำลังสูงสุด 202 แรงม้า 4.6 ลิตร วี 8 กำลังสูงสุด 231 แรงม้า และ 5.4 ลิตร วี 8 ให้กำลังสูงสุด 260 แรงม้า นอกจากนี้ ฟอร์ด ยังเริ่มโพรโมท เอฟ-150 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะนำออกมาจำหน่ายในปี 2004 ในรุ่นนี้ ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ทั้งยังมีเครื่องยนต์ที่ทันสมัยมากขึ้น และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แคบเปิดได้ ที่ยังคงมีให้เลือกใช้กันอยู่เช่นเคย ฟอร์ด เรนเจอร์ เชื้อสายแกร่ง จากรุ่นพี่ เอฟ-150 เราได้สัมผัส "กระบะนิรภัยคันแรกของเมืองไทย" ในชื่อ "เรนเจอร์" (RANGER) เมื่อหลายปีที่ผ่านมา จากนั้นในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เรนเจอร์ ก็ได้รับการพัฒนาอีกครั้งด้วย เรนเจอร์ "ซูเพอร์ โอเพน แคบ" (SUPER OPEN CAB) นวัตกรรมที่สืบสานมาจาก เอฟ-150 โดยตรง เพิ่มประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ในการเคลื่อนย้ายสัมภาระเข้า/ออกห้องโดยสาร ทั้งยังคงเอกลักษณ์กระบะนิรภัยไว้อย่างครบถ้วน ตัวถังแกร่งขึ้นอีก 30 % จากโครงสร้างดูดซับแรงกระแทกแบบ แครช แคน (CRASH CAN) พร้อมเสริมโครงเสาเก๋งตั้งแต่ด้านหน้า ด้านบน ด้านหลัง พื้น และโครงหลังคา สามารถรองรับการกระแทกจากการปะทะด้านหน้าได้ถึง 50 กม./ชม. ตามมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ด้วยการยุบตัวเพื่อป้องกันไม่ให้โครงสร้างห้องโดยสารเสียหาย เพลากลางสามารถแยกตัวออกจากกันได้ ช่วยกระจายแรงปะทะจากด้านหน้าไปสู่ด้านหลัง ผ่อนแรงกระแทกไม่ให้ไปถึงห้องโดยสาร ฟอร์ด เรนเจอร์ ทุกรุ่น ติดตั้งคานกันกระแทกด้านข้างมาให้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมเข็มขัดนิรภัย 3 จุด แบบ ELR และลุยได้อย่างมั่นใจด้วยแผ่นเหล็กกันกระแทกที่ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ขุมพลังใน เรนเจอร์ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล มีให้เลือก 2 ขนาด คือ WL-T ความจุ 2.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. และแรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. ที่ 2,000 รตน. ซึ่งถือว่า "แจ๋ว" ทีเดียว เมื่อเทียบกับเครื่อง 2.5 ลิตรในระดับเดียวกัน ส่วนอีกรุ่น ใช้รหัส W9 ความจุ 2,900 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 4,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 20.1 กก.-ม. ที่ 2,500 รตน. ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบพาร์ทไทม์ สามารถเปลี่ยนระบบสลับไปมาระหว่างขับเคลื่อนสองล้อ และสี่ล้อ ด้วยระบบ RFW (REMOTE FREE WHEEL) เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อน จากเฟืองท้ายอัตราทด 1:4.444 พร้อม ลิมิเทด สลิพ ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ เรนเจอร์ 4x4 ทุกรุ่น ระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน และด้านหลังแบบดุม ทำงานร่วมกับเอบีเอส 4 แชนแนล 4 เซนเซอร์ ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรค (EBD) พร้อม จี-เซนเซอร์ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยสูงสุด เรนเจอร์ ซูเพอร์ โอเพน แคบ ยังคงเสียภาษีป้ายทะเบียนประจำปีเท่ากับรถกระบะ 2 ประตูทั่วไป ในขณะที่ผู้ใช้จะได้ความสะดวกสบายใกล้เคียงกับพิคอัพ 4 ประตู ส่วนเรื่องภาษี 12 % นั้น เป็นภาษีที่กรมสรรพสามิตเรียกเก็บจากโรงงานผู้ผลิต ตามกฎเกณฑ์ที่ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายต้องปฏิบัติตามเหมือนกัน ไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคแต่อย่างใด สิ่งที่ ฟอร์ด พยายามทำภายใต้คำจำกัดความ "BUILD FORD TOUGH" ยังคงเห็นได้ชัดเจนเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด และผลจากการพัฒนาดังกล่าว ก็ทำให้พวกเราชาวไทย ได้รับเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ด้วย ถึงจะไม่ใช่เทคโนโลยีทั้งหมดที่ ฟอร์ด มี แต่แค่ความล้ำสมัยบางอย่าง เช่น แคบเปิดได้ ก็ถือเป็นอีกความพยายามหนึ่ง ที่ช่วยเพิ่มสีสันแปลกใหม่ให้กับวงการรถพิคอัพบ้านเรา ส่วนคนที่ได้รับประโยชน์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากตัวผู้บริโภคเอง สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ ฟอร์ด ฮอทไลน์ โทร. 0-2264-0099 ต่างจังหวัด โทร. 0- 8822-5499 (ไม่เสียค่าบริการ) ข้อมูลจำเพาะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเพอร์ โอเพน แคบ เอกซ์แอลที 4x4 ผู้ผลิต และจำหน่าย บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2264-0099, 0-8822-5499 มิติและน้ำหนัก กว้าง/ยาว/สูง (มม.) 1,740/4,998/1,740 ความกว้างฐานล้อ (หน้า/หลัง) (มม.) 1,405/1,440 ความยาวฐานล้อ (มม.) 2,985 ความสูงใต้ท้องรถ (มม.) 218 ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 70 เครื่องยนต์ รหัส WL-T ชนิด ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูเลอร์ ความจุ (ซีซี) 2,499 กำลังสูงสุด (เจไอเอส/รตน.) 121/3,500 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 28.3/2,000 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง อินไดเรคท์ อินเจคชัน ระบบขับเคลื่อน สี่ล้อ พาร์ทไทม์ ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ธรรมดา (จังหวะ) เดินหน้า 5 ถอยหลัง 1 อัตราทดเฟืองท้าย 1:4.444 ระบบรองรับ หน้า อิสระ ปีกนกคู่ ทอร์ชันบาร์ เหล็กกันโคลง และชอคอับ หลัง แหนบแผ่นรูปครึ่งวงรี และชอคอับติดตั้งทแยงมุม ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ลูกปืนหมุนวน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง แปรผันตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ ระบบห้ามล้อ หน้า จาน พร้อมครีบระบายความร้อน หลัง ดุม แบบลีดิง เทรลิง และระบบ LSPV พร้อม เอบีเอส และ อีบีดี ขนาดยาง (หน้า/หลัง) 265/70 R15