ทั่วไป
-
ความยิ่งยงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด เป็นความน่าทึ่งและอัศจรรย์ต่อการ
ครองโลกบันเทิงมานับร้อยปี ไม่มีวันเสื่อม ไม่มีขาลง แฟนภาพยนตร์ทั้งโลกยังให้การ
สนับสนุนอย่างเหนียวแน่น แตกต่างกว่าอุตสาหกรรมเดียวกันจากดินแดนอื่น ไม่ว่ายุโรป
หรือเอเชีย
แต่ความยิ่งยงที่ว่านี้ ก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะนักอุตสาหกรรมภาพยนตร์รู้จัก
ดิ้นรน รู้จักเหตุและผลในความเปลี่ยนแปลง ทำอย่างไรการสร้างภาพยนตร์ของพวกเขา
จึงได้รับความสำเร็จ เป็นที่พอใจของแฟนภาพยนตร์ทั้งโลก
เหมือนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ 60 อันเป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง
เต็มตัว สตูดิโอทั้งหลายที่เคยผงาดแรงกล้าต้องลดบทบาทลง เสื่อมพลังทางอำนาจ ผู้สร้าง
เริ่มเข้ามากำหนดแนวทาง และวางกรอบในการนำเสนอมากขึ้น
เป็นยุคสมัยของคนหนีตาย ยูนิเวอร์แซล เริ่มเข้าไปมีส่วนกับวงการโทรทัศน์และธุรกิจ
การท่องเที่ยวมากขึ้น พาราเมาท์ ขายกิจการตัวเองเพื่อความปลอดภัยในแง่การลงทุนให้
กัลฟ์ แอนด์ เวสเทิร์น และ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส รวมตัวกับ คินนีย์ กรุพ ในขณะที่ ยูไนเทด
อาร์ติสต์ ถูก ทรานส์ อเมริกา คอร์พ ซื้อไป
ภาพยนตร์ที่ปิดประกาศ "THE END" ให้กับฮอลลีวูดยุคโบราณก็คือ มหากาพย์ยิ่งใหญ่ของทเวนที เซนจูรี ฟอกซ์ "คลีโอพัตรา" สร้างปี 1963 ด้วยเงินทุนถึง 40 ล้านเหรียญ และเมื่อหนังเสร็จเรียบร้อยเข้าฉาย ก็ไม่ทำเงินได้ดีพาให้ขาดทุนย่อยยับ เป็นผลให้ ทเวนที เซนจูรี ฟอกซ์ โงหัวไม่ขึ้น ประสบวิกฤตทางการเงินอย่างหนัก
และภาพยนตร์ที่เปิดเกมได้ชื่อว่า เป็นตัวแทนความนึกคิดของคนรุ่นหนุ่มรุ่นสาวในยุคนั้น
ก็คือภาพยนตร์ชีวิตธรรมดา เรื่อง "THE GRADUATE" สร้างในปี 1967 ของ ไมค์ นิคอลส์ และภาพยนตร์เรื่อง "BONNIE AND CLYDE" ซึ่งสร้างในปีเดียวกัน ของ อาเธอร์ เพนน์
หนังสองเรื่องนี้ได้รับความสำเร็จในด้านรายได้เป็นอย่างสูง คนหนุ่มสาวแห่กันเข้าชม
พร้อมด้วยความรู้สึกตอบรับเป็นสุดยอดความนิยมแห่งสมัย โดยเฉพาะแฟนภาพยนตร์
ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 24 ปี ดูแล้วต้องชอบกันทุกคน
ผมจำได้ว่าดู ดัสติน ฮอฟแมน ในหนังเรื่อง "THE GRADUATE" ที่โรงภาพยนตร์
เมโทร ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และดูเรื่อง "BONNIE AND CLYDE" ที่โรงภาพยนตร์
โคลีเซียม ยมราช หัวถนนเพชรบุรี ติดตาติดใจทั้งสองเรื่อง
ฮอลลีวูดทศวรรษที่ 60 คือความพ่ายแพ้ และเป็นขาลงของผู้กำกับมีชื่อเสียงในอดีตหลายคน
ทั้ง อีเลีย คาซาน, สแตนลีย์ แครเมอร์, บิลลี ไวลเดอร์, จอห์น ฮุสตัน และโรเบิร์ต ไวส์
และเป็นวันเวลาชัยชนะของคนที่เกิดมาเต็มตัวอย่าง อาเธอร์ เพนน์, ไมค์ นิคอลส์,
โรมัน โปลันสกี, ริชาร์ด ไฟลเชอร์, สแตนลีย์ คิวบริค, ซิดนีย์ ลูเมท, ฟรานซิส ฟอร์ด
คอพโพลา และจอห์น ฟแรงเกนไฮเมอร์ ต้องขอบใจคนพวกนี้ที่ทำให้ฮอลลีวูดรอดตาย
ทำให้ฮอลลีวูดยังมีอิทธิพลต่อแฟนหนังทั้งโลกอยู่อย่างเต็มพิกัด
THE GRADUATE สะท้อนภาพความกดดันทางความรู้สึกและอารมณ์ของชายหนุ่ม
ที่มีชีวิตอยู่อย่างไร้จุดหมาย
BONNIE AND CLYDE แม้เป็นเรื่องราวของอาชญากรชื่อดัง คือ บอนนี พาร์เคอร์
และคไลด์ แบร์โรว์ แต่อารมณ์ที่หนังเรื่องนี้แสดงออกแล้วส่งสัญญาณไปถึงคนดูหนัง
ก็ทำได้อย่างโดนใจเต็มสูบ เสริมสร้างและสนับสนุนความรู้สึกสับสนวุ่นวายที่เป็นอยู่ใน
อารมณ์คนหนุ่มสาวสมัยนั้นเป็นอย่างดี
ดูเหมือนห้วงเวลายามนั้น คนหนุ่มสาวต่างพากันหันหลังให้สังคม ทั้งครอบครัว ทั้งการศึกษา
ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ จนถึงแม้กระทั่งทางศาสนา
โดยในเวลาเดียวกันนี้เอง พวกเขาก็แสวงหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต-ข้า ฯ เกิดมา
ทำไม, ทำนองนี้ แล้วหาได้หรือเปล่าผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการแสวงหา
ที่มีอำนาจ มีอิทธิพลต่อความนึกคิดของคนรุ่นเก่าที่คิดแบบเก่า ป้อนความรู้สึกเก่าๆ
ให้เข้ามาอยู่ในแผ่นฟีล์ม
เบนจามิน (แสดงโดย ดัสติน ฮอฟแมน) ใน THE GRADUATE เป็นคนหนุ่มที่ชีวิตมีแต่
ความสมบูรณ์พูนสุข แต่เขากลับเกิดความรู้สึกว่า บางสิ่งบางอย่างของชีวิตได้ขาดหายไป
เขาพบว่าตนเองไม่มีอะไรจะพูดกับผู้ใหญ่ และกลับมีความรู้สึกอึดอัดที่ต้องมีชีวิตอยู่รอบข้าง
ด้วยคนเหล่านี้ เหมือนกับว่าเขาอยู่คนละโลก คนละภาษา
เบนจามินจำเป็นต้องหาทางออกให้กับตัวเอง และเขาก็ได้มีความสัมพันธ์กับ คุณนาย
โรบินสัน (แสดงโดย แอนน์ แบนครอฟท์) สาวใหญ่เพื่อนพ่อและแม่ของเขาเอง ซึ่งไม่ได้
ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น จนกระทั่งได้มาพบกับ อีเลน (แสดงโดย แคธรีน รอสส์) ลูกสาว
ของคุณนายโรบินสันนั่นเอง คนในช่วงวัยเดียวกันก้าวเข้ามาในชีวิต
ยิ่งฉากจบด้วยแล้ว ยิ่งสะใจหนุ่มสาว เมื่อเบนจามินเข้าไปขัดขวางพิธีแต่งงานของอีเลน
นักวิจารณ์ยกนิ้วให้เป็นการสร้างภาพแยกคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ชัดเจน
เช่นเดียวกับ อาเธอร์ เพนน์ กับหนังเรื่อง "BONNIE AND CLYDE" เขาถูกวิจารณ์ว่าใส่ความรุนแรง
อย่างไร้ขอบเขต และเขาโต้กลับว่าเพื่อให้คนต่อต้านความรุนแรงมากกว่า
เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้บุกเบิกความรุนแรงไร้ขีดจำกัดให้กับฮอลลีวูด
นอกจากสองเรื่องนี้ ผมยังดูและชอบใจอีกหลายเรื่องในทศวรรษเดียวกัน เช่น
THE SOUND OF MUSIC, LOVE STORY, DR. ZHIVAGO, MARY POPPINS, THE APARTMENT, WEST SIDE STORY, LAWRENCE OF ARABIA, MY FAIR LADY, IN THE HEAT OF THE NIGHT และ OLIVER
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร Carstereo ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/10305